โดยธรรมชาติแล้วเมื่ออายุมากขึ้น อุบัติการณ์ของการปวดศีรษะไมเกรนจะลดน้อยลง อันเนื่องมาจากภาวะฮอร์โมนในร่างกายบางอย่างลดลง แต่ก็ยังพบการปวดศีรษะไมเกรนได้ในผู้สูงอายุ โดยความสำคัญของการวินิจฉัยและรักษานั้นค่อนข้างจะมีความซับซ้อน เนื่องจากผู้สูงอายุอาจมีโรคประจำตัวอื่นๆ ที่ต้องใช้ยารับประทานเป็นประจำ และยังต้องระวังการปวดศีรษะที่มาจากภาวะโรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่น การติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง
ภาวะปวดศีรษะไมเกรน เกิดจากการส่งกระแสไฟฟ้าบริเวณผิวสมองผิดปกติ ส่งผลให้สมองไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าคนทั่วไป ซึ่งเมื่อสมองถูกกระตุ้นจะเกิดกระแสไฟฟ้าวิ่งไปตามผิวของสมอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเส้นเลือดในสมอง อีกทั้งยังไปกระตุ้นเส้นประสาทสมองให้หลั่งสารสื่อประสาทบางชนิดที่ทำให้หลอดเลือดสมองขยายตัวและเกิดการอักเสบ จนเป็นผลทำให้ปวดศีรษะ
สิ่งกระตุ้นที่สามารถทำให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน ได้แก่ ความเครียด พักผ่อนน้อย การสูดกลิ่นหรือควัน แสงแดด อากาศร้อนหรือหนาวจัด รวมถึงอาหารบางชนิด เช่น ของหมักดอง ชีส และไวน์ ซึ่งผู้ป่วยควรสังเกตและพยายามหลีกเลี่ยง
นอกจากนี้หากไม่ได้รับการรักษาหรือเข้ารับการรักษาช้า สมองจะปรับระบบรับความเจ็บปวดในสมองให้อาการปวดศีรษะรุนแรงขึ้น และมีความถี่มากขึ้น จนในที่สุดจะไม่ตอบสนองต่อยาแก้ปวดอีกต่อไป
อาการปวดศีรษะจำเพาะของภาวะปวดศีรษะไมเกรน มีดังนี้
โดยเมื่อพบว่ามีการปวดศีรษะตามอาการข้างต้นนี้ ควรรีบมาโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ เนื่องจากอาการปวดศีรษะเหล่านี้ อาจไม่ใช่การปวดจากไมเกรน อาจจะมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น โรคติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง หลอดเลือดสมองตีบหรือแตก(อัมพฤกษ์) เนื้องอกในสมอง ซึ่งล้วนแต่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ร่วมกับการตรวจเพิ่มเติม เช่น การเจาะเลือด การนำน้ำไขสันหลังไปตรวจ การทำ CT Scan หรือ MRI เพื่อดูเนื้อสมองและหลอดเลือดในสมอง
แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและซักประวัติถึงอาการปวดศีรษะ หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะร่วมกับความผิดปกติทางสายตา รวมถึงมีประวัติครอบครัวมีภาวะไมเกรน หรือปวดศีรษะรุนแรงเรื้อรัง อาจส่งตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุความผิดปกติของเส้นเลือดในสมอง โดยเฉพาะเมื่อผู้ป่วยเริ่มมีอาการครั้งแรกเมื่อมีอายุมากขึ้น ซึ่งพบไม่บ่อยนัก อาจต้องพิจารณาหาสาเหตุเพิ่มเติม
การรักษาภาวะปวดศีรษะไมเกรน มี 2 จุดประสงค์หลัก ดังนี้
2. การป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ส่วนใหญ่ต้องรับประทานยาติดต่อกันทุกวัน เช่น
ผู้สูงอายุมีอาการปวดศีรษะไมเกรนไม่บ่อยเท่าวัยหนุ่มสาว แต่ก็ยังถือว่าเป็นปัญหาที่พบได้พอสมควร อีกทั้งยังมีอาการแสดงออก ตลอดจนการรักษาที่ค่อนข้างซับซ้อนมากกว่า เนื่องจากผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักมีโรคประจำตัวอื่นๆ ร่วมด้วย ดังนั้นหากสังเกตว่าอาการปวดศีรษะมีความรุนแรง หรือส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกวิธี โดยไม่ซื้อยามารับประทานเองเด็ดขาด
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่