อวัยวะภายในร่างกายหากเราไม่หมั่นตรวจ จะรู้ได้อย่างไรว่าทุกอย่างปกติดี โดยเฉพาะกับกระดูกและข้อ ถ้าไม่ตรวจก็ไม่มีทางรู้เลยว่ากระดูกเราพรุนมากน้อยแค่ไหน เสี่ยงต่อการเปราะ หัก ง่ายหรือไม่ เมื่อไม่รู้สาเหตุก็ไม่รู้วิธีป้องกันเช่นกัน
ในร่างกายของเรามีกระดูกอยู่หลากหลายชนิด มีทั้งกระดูกที่มีลักษณะเป็นแท่งยาวๆ เช่น กระดูกแขน ขา กระดูกที่เป็นชิ้นเหลี่ยม เช่น กระดูกสันหลัง กระดูกตามข้อมือ ข้อเท้า หรือกระดูกที่มีส่วนประกอบที่หนา หรือที่เรียกว่า กระดูกเนื้อแน่น คือ กระดูกทึบ (Cortical Bone) และกระดูกที่มีลักษณะคล้ายรังผึ้ง (Cancellous Bone) ซึ่งผู้หญิงเสี่ยงต่อกระดูกหักมากกว่า ผู้ชายถึง 3 เท่า เพราะกระดูกบางและพรุนมากกว่า
สารที่เป็นส่วนประกอบของกระดูก มีแคลเซียม แมกนีเซียม เหล็กและอื่นๆ เช่น อิเล็กโตรไลท์ โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียมจะจับกับกระดูกต้องอยู่ในเส้นเลือด ซึ่งได้จากการรับประทานอาหารประเภทแคลเซียมโดยตรง แล้วจะถูกดูดซึมเข้าไป
เมื่อเราอยู่ในท้องแม่ กระดูกเราจะเป็นกระดูกอ่อนก่อน แล้วแคลเซียมจะจับมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งใช้เวลาตั้งแต่เกิดจนไปถึงวัยรุ่น อายุ 16-17 ปี เมื่อพ้นวัย 25 ปีแล้วปริมาณแคลเซียมที่จะไปจับกับกระดูกจะลดลง
ในร่างกายของเรามีกระดูกอยู่หลากหลายชนิด มีทั้งกระดูกที่มีลักษณะเป็นแท่งยาวๆ เช่น กระดูกแขน ขา กระดูกที่เป็นชิ้นเหลี่ยม เช่น กระดูกสันหลัง กระดูกตามข้อมือ ข้อเท้า หรือกระดูกที่มีส่วนประกอบที่หนา หรือที่เรียกว่า กระดูกเนื้อแน่น คือ กระดูกทึบ (Cortical Bone) และกระดูกที่มีลักษณะคล้ายรังผึ้ง (Cancellous Bone) ซึ่งเพศหญิงเสี่ยงต่อกระดูกหักมากเป็น 3 เท่าของเพศชาย เพราะกระดูกบางและพรุนมากกว่า ในกระดูกก็ประกอบไปด้วย
ภาวะกระดูกพรุนเกิดจากความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลงร่วมกับความเสื่อมของโครงสร้างภายในกระดูก นอกจากความแข็งแรงของกระดูกจะลดลงแล้ว ยังทำให้กระดูกเปราะ หักง่าย
การรับประทานแคลเซียมจำนวนมากก็อาจดูดซึมได้ไม่ดีกว่าเดิม เนื่องจากขาดฮอร์โมน และวิตามินดีที่เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้มีการดูดซึมแคลเซียมไปจับที่กระดูก
เราจะทราบมวลหนาแน่นของกระดูกได้จากการตรวจวัดจากแพทย์ โดยทั่วไปมักนิยมตรวจกระดูกที่มีโอกาสหักได้ง่าย 3 ตำแหน่ง ได้แก่ กระดูกสันหลังส่วนเอว (Lumbar Spine) กระดูกข้อสะโพก (Hip) และกระดูกปลายแขน หรือข้อมือ (Wrist) ถ้าค่าน้อยกว่า -2.5 แปลว่ากระดูกพรุนแล้ว ส่วนใหญ่จะวัดจากส่วนกระดูกสะโพก และกระดูกสันหลัง เพราะเป็นตัวที่ให้ดัชนีชี้บ่งค่อนข้างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในช่วงวัยหมดประจำเดือน จะเริ่มเข้าสู่ภาวะกระดูกบาง
20% ของผู้หญิงไทยวัย 40-80 ปี เป็นโรคกระดูกพรุน ซึ่งระยะแรกไม่มีอาการใดๆ แต่ทราบได้จากการตรวจความหนาแน่นมวลกระดูก
ค่าความหนาแน่นมวลกระดูกจะคำนวณเป็นค่าที่เรียกว่า T- score (T) ซึ่งใช้เป็นค่าวินิจฉัยภาวะความหนาแน่นมวลกระดูก เช็คผลได้ดังนี้
ควรออกกำลังกาย ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรง ส่วนใหญ่ระดับความรุนแรงจะอยู่ช่วงอายุ 70 ปี ขึ้นไป และควรระมัดระวังอย่าให้เกิดการหกล้ม
การทำให้กระดูกแข็งแรงก็เหมือนเราฝากเงินในธนาคาร ก็คือนำแคลเซียมไปฝากไว้กับกระดูกหากเราแข็งแรงและออมไว้ตั้งแต่เริ่มแรก กระดูกก็สามารถนำแคลเซียมออกมาใช้ได้ในยามจำเป็น โรคกระดูกพรุนเราป้องกันได้
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่