แม้อาการบางอย่าง เช่น อาหารไม่ย่อย อารมณ์แปรปรวน และโรคผิวหนัง อาจบ่งบอกถึงความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร แต่ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นได้เช่นกัน ดังนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าความเชื่อมโยงของอาการเหล่านี้สัมพันธ์กับความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร สามารถตรวจวิเคราะห์สมดุลจุลินทรีย์ได้
การตรวจสมดุลจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร (Gut Microbiome)
เป็นการตรวจความสมดุลระหว่างจุลินทรีย์ชนิดดีและไม่ดีในร่างกาย ผ่านตัวอย่างอุจจาระที่นำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ เพื่อช่วยให้ทราบได้ว่า
- ในร่างกายเรามีความหนาแน่น (Density) ของจุลินทรีย์เป็นอย่างไร และมีปริมาณและความหลากหลายของจุลินทรีย์เพียงพอหรือไม่
- จุลินทรีย์ในร่างกายมีความสมดุลหรือไม่
- จุลินทรีย์ที่พบมีผลต่อร่างกายอย่างไร
หากตรวจพบความหนาแน่น ความหลากหลาย และประโยชน์ของจุลินทรีย์อยู่ในสถานะขาดสมดุล จะส่งผลให้มีความเสี่ยงการเกิดโรคมากกว่า เมื่อเทียบกับผู้ที่มีจุลินทรีย์อยู่ในสภาวะสมดุล การตรวจนี้ช่วยให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงการเกิดโรค รวมถึงวินิจฉัยสาเหตุของโรคที่อาจเกิดจากการเสียสมดุลของจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหารได้ เช่น โรคลำไส้แปรปรวน ภาวะอ้วน โรคเบาหวาน ไมเกรน โรควิตกกังวล และโรคซึมเศร้า
การปรับสมดุลลำไส้ด้วยโพรไบโอติกส์ และการปรับพฤติกรรม
นอกจากนี้ แพทย์ยังสามารถแนะนำสารอาหารเพื่อช่วยเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น โพรไบโอติกส์ และพรีไบโอติกส์ ทั้งในรูปแบบของอาหาร และอาหารเสริม รวมถึงการปรับพฤติกรรม การนอนหลับ และการออกกำลังกายให้เหมาะสม ดังนี้
- สมาคมระหว่างประเทศ IASD แนะนำให้ผู้ใหญ่นอนหลับ 6-8 ชั่วโมง โดยพบว่าการนอนหลับอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนและลดความเครียด ช่วยให้สภาพแวดล้อมในลำไส้มีสุขภาพดีกว่าการนอนน้อยหรือนอนไม่หลับเป็นประจำ
- ออกกำลังกายเป็นประจำมากกว่า 30 นาทีต่อวัน 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของลำไส้ ลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นอันตรายและยังช่วยเพิ่มความหลากหลายของจุลินทรีย์
- ลดการบริโภคเนื้อสัตว์แปรรูป อาหารสำเร็จรูป
- ลดอาหารรสเผ็ด เค็ม หรือรสจัด
- ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง
- บริโภคโพรไบโอติกส์ (จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์) พร้อมกับพรีไบโอติกส์ (ทำหน้าที่เป็นอาหารสำหรับจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์) เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและปรับสมดุลการทำงานของลำไส้ ทั้งนี้ การรับประทานโพรไบโอติกส์ปริมาณมากในคราวเดียวอาจส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น ท้องอืด ท้องผูก หรือท้องร่วงได้ จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อการบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม
