โปรแกรมตรวจความสมดุลของจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร (Gut Microbiome)
เช็คสัญญาณภาวะขาดสมดุลของจุลินทรีย์
ถ้ามีปัญหาเหล่านี้
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย หรือท้องผูก
- เป้นสิวอักเสบเรื้อรัง
- ผื่นภูมิแพ้เป็นๆหายๆลดน้ำหนักยาก
รู้หรือไม่? จุลินทรีย์ในลำไส้ มีมากถึง 5,000 ชนิด
การตรวจหาจุลินทรีย์ชนิดดี และชนิดไม่ดีในร่างกาย ด้วยเทคนิค NGS สามารถวิเคราะห์จุลินทรีย์ได้มากกว่า 100 สายพันธุ์
โปรแกรม | ราคาโปรโมชั่น (บาท) |
โปรแกรม ตรวจความสมดุลของจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร (Gut Microbiome) เพื่อหาจุลินทรีย์ชนิดดี และ ไม่ดีในร่างกาย ด้วยเทคนิค NGS สามารถวิเคราะห์จุลินทรีย์ได้ มากกว่า 100 สายพันธุ์ และสามารถบอก ความเสี่ยงโรคได้ 9 โรค |
18,000 |
การตรวจความสมดุลของจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร (Gut Microbiome) เป็นการตรวจความสมดุลระหว่างจุลินทรีย์ ชนิดดี และ ไม่ดี ในร่างกายผ่านตัวอย่างอุจจาระที่นำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ ซึ่งสามารถวิเคราะห์จุลินทรีย์ได้ตั้งแต่ระดับสายพันธุ์ (Species) มากกว่า 100 สายพันธุ์ และ สามารถวิเคราะห์ผลที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงได้ 9 โรค
- โรคอ้วน
- โรคลำไส้แปรปรวนเรื้อรัง
- โรคเบาหวาน
- คอเลสเตอรอล
- โรคหัวใจและหลอดเลือดที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคเนื้อสัตว์ CVD Associated with meat intake
- ติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่
- โรคซึมเศร้า
- โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
- จอประสาทตาเสื่อมที่เกี่ยวข้องกับอายุ
สภาวะจุลินทรีย์ไม่สมดุล
การมีภาวะสมดุลของจุลินทรีย์ที่ดีต่อสุขภาพ (Healthy microbiome) จะช่วยสร้างชั้นเมือก (mucus layer) ที่เป็นเกราะป้องกัน ให้กับ เซลล์เยื่อบุผนังลำไส้ (epithelial cell) ทำให้แบคทีเรียก่อโรค (harmful bacteria) ไม่สามารถเจาะเข้าไปในผนังลำไส้ได้ หากเกิดภาวะขาดสมดุลของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในระบบทางเดินอาหาร อาจเพิ่มโอกาสเกิดโรค เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือ IBD (Inflammatory Bowel Disease) และโรคลำไส้แปรปรวน หรือ IBS (Irritable bowel syndrome) ซึ่งมีปัจจัยจากสภาวะการขาดสมดุลของแบคทีเรีย มีแบคทีเรียก่อโรคเพิ่มขึ้น รวมถึงมีการใช้ยาปฏิชีวนะ ทำให้แบคทีเรียก่อโรค สามารถเจาะเข้าไปยังเซลล์ ส่งผลให้เกิดการอักเสบเเละเสี่ยงต่อการเป็นโรค
ตรวจอย่างไร ใช้เวลานานแค่ไหน
ตรวจด้วยเทคนิค NGS Next-Generation Sequencing ที่สามารถวิเคราะห์จุลินทรีย์ ได้ตั้งแต่ระดับสายพันธุ์ (Species) มากกว่า 100 สายพันธุ์ สามารถเปรียบเทียบระหว่างแบคทีเรียก่อโรคกับแบคทีเรียที่มีประโยชน์ ได้ว่ามีแบคทีเรียชนิดไหนบ้าง สามารถวิเคราะห์ผลที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงได้ 9 โรค ใช้เวลาในการตรวจไม่นาน แค่ทำการ swap คล้ายกับการตรวจ ATK และสามารถนำไปตรวจที่บ้านได้ หากไม่สะดวก และ จะมีเจ้าหน้าที่จากทางโรงพยาบาล นัดหมายเพื่อรับสิ่งส่งตรวจ และส่งไปตรวจยังประเทศ เกาหลี
ประโยชน์ที่ได้จากการตรวจ
ช่วยให้ทราบว่า
- ในร่างกายเรามีความหนาแน่น (Density) ของจุลินทรีย์ชนิดใด และมีปริมาณมากน้อยเพียงใด
- พบจุลินทรีย์กี่ชนิด และมีความหลากหลายอย่างไร
- จุลินทรีย์ที่พบมีหน้าที่อย่างไร
ทราบผลแล้ว ดูแลรักษาต่ออย่างไร
แพทย์ประเมินความเสี่ยงรวมถึงวินิจฉัยสาเหตุของโรคที่อาจเกิดจากการเสียสมดุลของจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคลำไส้แปรปรวน ภาวะอ้วน โรคเบาหวาน ไมเกรน โรควิตกกังวล และโรคซึมเศร้า นอกจากนี้แพทย์ยังสามารถแนะนำสารอาหารเพื่อช่วยเพิ่มจำนวนจุลชีพที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น โพรไบโอติกส์ และพรีไบโอติกส์ ทั้งในรูปแบบของอาหาร และอาหารเสริม รวมถึงการปรับพฤติกรรม การนอน และการออกกำลังกายให้เหมาะสม ดังนี้- สมาคมระหว่างประเทศ IASD แนะนำให้ผู้ใหญ่นอนหลับ 6-8 ชั่วโมง โดยพบว่าการนอนหลับเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนและลดความเครียด ช่วยให้สภาพแวดล้อมในลำไส้มีสุขภาพดีกว่าการนอนน้อยหรือนอนไม่หลับเป็นประจำ
- ออกกำลังกายเป็นประจำมากกว่า 30 นาทีต่อวัน 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของลำไส้ ลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นอันตรายและยังช่วยเพิ่มความหลากหลายของจุลชีพ
- หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์แปรรูป อาหารสำเร็จรูป
- ลดอาหารรสเผ็ด เค็ม หรือรสจัด
- ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง
- บริโภคโพรไบโอติกส์ (จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์) พร้อมกับพรีไบโอติก (ทำหน้าที่เป็นอาหารสำหรับจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์) สามารถช่วยป้องกันโรคลำไส้และมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้โดยการยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย ขณะเดียวกันยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและเพิ่มการทำงานของลำไส้ อย่างไรก็ตาม การรับประทานโพรไบโอติกส์ปริมาณมากในคราวเดียวอาจส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น ท้องอืด ท้องผูก หรือท้องร่วงได้ จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อการบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม
การตรวจนี้เหมาะสมสำหรับใคร
ผู้ที่มีสัญญาณเตือนว่าอาจมีปัญหาสมดุลของจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร
- มีอาการระบบทางเดินอาหารผิดปกติ หรือลำไส้แปรปรวน เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือท้องผูก
- มีปัญหาไมเกรนหรือนอนไม่หลับ
- เป็นสิวอักเสบ
- ผู้ที่เป็นผื่นภูมิแพ้ เป็นๆ หายๆ
- เป็นหอบหืด
- มีระบบการเผาผลาญไม่ดี
- มีความเสี่ยงเป็นโรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า โรคอ้วน โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคอัลไซเมอร์
- มีกลิ่นปาก
- มีเมือกในอุจจาระ
- รับประทายาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน
- ภาวะแพ้คาร์โบไฮเดรต
- เหนื่อยล้าหมดแรง
- ใช้ยาลดกรด เป็นประจำ
- คัดจมูก
** ถ้ามีอาการข้างต้นอย่างน้อย 5 ข้อ หรือมากกว่า คุณอาจมีภาวะความไม่สมดุลของแบคทีเรีย
การเตรียมตัวก่อนรับการตรวจ
- ไม่ต้องงดน้ำงดอาหารก่อนตรวจ
- งดยาปฏิชีวนะ ประมาณ 3 วันก่อนตรวจ