ตาแห้ง อาการที่มากกว่าตาแห้ง

ตาแห้ง อาการที่มากกว่าตาแห้ง

HIGHLIGHTS:

  • ในปัจจุบันที่การทำงานส่วนใหญมักอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือ หน้าจอโทรศัพท์มือถือและอยู่ในห้องปรับอากาศ ทำให้มีโอกาสเกิดภาวะตาแห้งได้มากขึ้น
  • ส่วนใหญ่การรักษาภาวะตาแห้งมักทำโดยการหยอดน้ำตาเทียม แต่ในบางรายถึงแม้จะหยอดน้ำตาเทียมแล้วก็ยังมีอาการแห้งฝืดเคืองอยู่
  • การประคบอุ่นและเช็ดเปลือกตาก็สามารถช่วยให้ต่อมไขมันที่เปลือกตาเปิดออก ทำให้คุณภาพน้ำตาดีขึ้นได้

ปัจจุบันนี้ภาวะตาแห้งพบได้มากขึ้น เนื่องจากการทำงานที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอโทรศัพท์มือถือและอยู่ในห้องปรับอากาศ 
ตาแห้ง (Dry eyes) คือ โรคทางตาที่เกิดจากปริมาณน้ำตาหรือสารหล่อลื่นของดวงตาไม่เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงผิวกระจกตาทำให้มีอาการระคายเคือง

ตาแห้ง อาการเป็นอย่างไร?

  • แสบฝืด 
  • ตาแดง 
  • รู้สึกระคายเคืองเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในลูกตา เคืองตา เหมือนอะไรเข้าตา แต่ไม่มี 
  • มีอาการแพ้แสง เห็นแสงฟุ้งกระจาย 
  • ตามัวลง 
  • มีน้ำตาไหลออกมามาก
  • เปลือกตากระตุก 

ภาวะตาแห้งรักษาอย่างไร?

การรักษาภาวะตาแห้งมีสองวิธีหลักๆ คือ การใช้ยาหยอดตา และ การรักษาตาแห้งด้วยวิธีอื่นๆ 

  • การรักษาด้วยการหยอดยานั้น มีตั้งแต่การหยอดน้ำตาเทียมเพื่อรักษาภาวะตาแห้งชนิดไม่รุนแรง การหยอดยาลดอักเสบ เช่น กลุ่มยาไซโคสปอริน และกลุ่มยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ เพื่อรักษาภาวะอักเสบของกระจกตา 
  • ส่วนการรักษาตาแห้งด้วยวิธีอื่น เช่น การอุดท่อทางระบายน้ำตาในกรณีตาแห้งมาก การประคบอุ่นและเช็ดเปลือกตาเพื่อให้ต่อมไขมันที่เปลือกตาเปิดออก ทำให้คุณภาพน้ำตาดีขึ้น เป็นต้น 

ซึ่งมีผู้ป่วยหลายรายที่มารับการรักษาโดยการหยอดน้ำตาเทียม แต่ถึงแม้จะหยอดน้ำตาเทียมแล้ว ก็ยังมีอาการตาแห้งและฝืดเคืองอยู่ ในบางรายก็ไม่สะดวกที่จะหยอดตา เนื่องจากหยอดน้ำตาเทียมไม่เข้าตาบ้าง ทำให้เครื่องสำอางเลอะบ้าง บางรายรู้สึกว่าการหยอดน้ำตาเทียมเหมือนการทำพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่ต้องล้างมือก่อน แล้วหาโซฟาเพื่อเอนนอนในการหยอดยาและต้องหลับตาอีกสักพัก จึงทำให้อาการตาแห้งไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร ถึงแม้บางรายหยอดน้ำตาเทียมได้ดีแล้ว ก็ยังมีอาการแสบเคืองตาจากภาวะตาแห้งอยู่

หากถ้าเราพิจารณากลไกการเกิดภาวะตาแห้งอย่างง่ายๆ คือ เกิดจากภาวะน้ำตาสร้างได้น้อยลง และภาวะน้ำตาระเหยมากเกินไปหรือเร็วเกินไป ภาวะน้ำตาระเหยมากเกินไป มักเกิดจาก การทำงานหรือมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือเล่นโทรศัพท์ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เนื่องจากเวลาที่เราตั้งใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเรามักจะไม่กระพริบตา นอกจากนี้สภาวะอากาศและสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น การอยู่ในห้องปรับอากาศ อยู่ในที่ที่มีลมพัดแรง ก็เป็นสาเหตุให้น้ำตาระเหยมากเกินไปได้เช่นกัน 

ตาแห้ง เกิดจากอะไร ปัยจัยที่ทำให้เกิดตาแห้ง

  • ปัจจัยภายนอก ได้แก่ การใส่คอนแทคเลนส์ การหยอดยาบางชนิด เช่น ยารักษาต้อหิน หรือแม้กระทั่งเครื่องสำอางที่เขียนบริเวณรอบตา 
  • ปัจจัยภายใน ได้แก่ ภาวะต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตัน (Meibomian gland dysfunction) ซึ่งต่อมไขมันบริเวณเปลือกตานี้ มีหน้าที่หลั่งไขมันออกมา ไขมันเหล่านี้จะทำให้น้ำตาระเหยช้าลง 

ดังนั้น ถ้าคุณภาพไขมันในต่อมไขมันนี้เสียไปจะทำให้คุณภาพน้ำตาเสียตามไปด้วย นั่นหมายถึงสัดส่วนของปริมาณไขมันอิ่มตัวต่อไขมันไม่อิ่มตัวไม่สมดุล ไขมันอิ่มตัวมักจะเป็นของแข็งถ้าไม่ถูกความร้อน ถ้ามีไขมันอิ่มตัวปริมาณมากผิดปกติ ในร่างกายที่อุณหภูมิ 37 องศานั้น ไขมันอิ่มตัวเหล่านี้จะไม่ละลายออกมา ทำให้ต่อมไขมันหลั่งไขมันออกมาไม่ได้  สัดส่วนของไขมันอิ่มตัวต่อไขมันไม่อิ่มตัวที่เหมาะควรอยู่ที่ประมาณ 4:1 ( Arachidonic acid : Eicosapentaenoic acid ratio) สัดส่วนนี้ไม่ได้แค่มีผลที่เปลือกตาเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อการอักเสบทั่วร่างกายโดยเฉพาะหลอดเลือด ดังนั้น ในคนที่มีระดับไขมันอิ่มตัวสูง มักจะมีโอกาสเสี่ยงในการเกิดหัวใจขาดเลือด เส้นเลือดสมองขาดเลือด และเส้นเลือดส่วนปลายอุดตัน 

สำหรับปัจจัย ที่มีผลต่อการสร้างน้ำตา คือ อายุ อายุที่มากขึ้นจะมีการหลั่งน้ำตาที่ลดลง การขาดวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินเอ การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ ยาต้านซึมเศร้า เป็นต้น โรคภาวะภูมิคุ้มกันที่มีผลต่อร่างกาย เช่น Sjögren disease ซึ่งทำให้ต่อมน้ำตาไม่สร้างน้ำตา และโรคอื่นๆ ที่เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย เช่น โรคเบาหวาน ที่สำคัญไปกว่านั้นการไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศทำให้เกิดภาวะตาแห้งทั้งสองกลไก นอกจากจะทำให้ตาแห้งแล้ว ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศยังทำให้เกิดความเสี่ยงของภาวะโรคหัวใจขาดเลือด กระดูกพรุน และความจำเสื่อมอีกด้วย
 

การรักษาตาแห้ง และการป้องกัน

เห็นได้ว่าโรคตาแห้งนั้นมีสาเหตุมาจากหลายๆ ปัจจัย ดังนั้นการรักษาจึงควรต้องรักษาให้ครบทุกปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการปรับอาหาร การปรับการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน การตรวจสุขภาพและฮอร์โมนต่างๆ นอกจากประโยชน์ที่จะได้รับในเรื่องของอาการทางตาแล้ว ยังได้ประโยช์ในแง่ของสุขภาพโดยรวมของร่างกายอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และความจำเสื่อม เป็นต้น

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?