การตรวจสุขภาพตา ที่นักบินต้องใส่ใจ

การตรวจสุขภาพตา ที่นักบินต้องใส่ใจ

Highlight:

  • นักบินจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพตาทั่วไปทุกปี และจะต้องผ่านการตรวจตาอย่างละเอียดโดยจักษุแพทย์ ทุกๆ 5 ปี จนอายุครบ 40 ปี หลังจากนั้นจะตรวจทุก 2 ปี หรือเมื่อมีโรคหรือความผิดปกติใดๆ ที่จักษุแพทย์เห็นว่าจำเป็นต้องมีการตรวจพิเศษเพิ่มเติม 
  • โรคจอประสาทตา อาทิ โรคจอประสาทตาบวมน้ำ โรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงวัย ต้องได้รับการตรวจประเมินว่าการมองเห็นยังอยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการบิน ในบางกรณีอาจต้องงดทำการบินชั่วคราวและรักษาให้หาย จึงจะสามารถกลับไปทำการบินต่อได้ 
  • การผ่าตัดแก้ไขสายตาที่เลนส์ตา กรณีของนักบินบางรายที่มีข้อจำกัด ทำให้ไม่สามารถผ่าตัดที่กระจกตาได้ ทางเลือก คือ การผ่าตัดแก้ไขที่เลนส์ตาด้วยการใส่เลนส์เสริม (ICL) หรือในรายของนักบินอาวุโสที่มีต้อกระจกร่วมด้วย ควรพิจารณาผ่าตัดใส่เลนส์เทียมเพื่อรักษาต้อกระจกและแก้ไขค่าสายตาในคราวเดียวกัน

“นักบิน” เป็นอาชีพที่ต้องปฏิบัติงานที่ค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อน ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องอาศัยความรู้ ความชำนาญ ประสบการณ์ และการตัดสินใจที่แม่นยำ เพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด การที่จะเป็นนักบินได้นั้น จึงต้องผ่านการคัดเลือกจากผู้ที่มีความเหมาะสม ทั้งบุคลิกภาพ ความรู้ความสามารถ ตลอดจนสภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงสมบูรณ์ และมีความจำเป็นต้องตรวจสุขภาพสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนด

เวชศาสตร์การบิน (Aviation Medicine) คืออะไร?

เวชศาสตร์การบินเป็นสาขาการแพทย์เฉพาะทางแขนงหนึ่งของเวชศาสตร์ป้องกัน มีทั้งงานที่คาบเกี่ยวกับงานอาชีวเวชศาสตร์ คือการตรวจประเมินและดูแลสุขภาพนักบินและลูกเรือ ทั้งในด้านสรีรวิทยาและจิตวิทยาเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดขณะทำการบิน อีกส่วนหนึ่งคืองานที่คาบเกี่ยวกับงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คือการลำเลียงผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บทางอากาศ

การตรวจสุขภาพนักบิน

เนื่องจากนักบินเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยง มีความกดดัน และมีความรับผิดชอบในการทำงานสูงมากเมื่อเทียบกับอาชีพอื่น ๆ ดังนั้นสุขภาพทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจจึงเป็นเรื่องสำคัญ การตรวจสุขภาพเพื่อออกใบสำคัญแพทย์ของนักบินประกอบใบอนุญาตให้ทำการบินนั้น อยู่ภายใต้มาตรฐานการออกใบสำคัญแพทย์ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2562 และแพทย์ที่ตรวจสุขภาพนั้น จะต้องเป็นนายแพทย์ผู้ตรวจหรือนายแพทย์ผู้ตรวจอาวุโส ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยเท่านั้น 

การตรวจสุขภาพสำหรับนักบินนั้นจะประกอบด้วยการตรวจตามรายการ ดังต่อไปนี้ 

  1. ตรวจวัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต และชีพจร 
  2. ตรวจเลือดและปัสสาวะ  
  3. ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 
  4. ตรวจการได้ยิน  
  5. ตรวจเอกซเรย์ปอด (X-ray) 
  6. ตรวจฟัน   
  7. ตรวจสุขภาพตาอย่างละเอียด ซึ่งประกอบไปด้วย  
    • การวัดสายตาทั้งการมองใกล้และไกล ด้วยตาเปล่าหรือแว่น  
    • การวัดค่าการหักเหแสงและความโค้งกระจกตา 
    • การวัดความดันลูกตา 
    • การทดสอบการมองเห็นสี 
    • การทดสอบลานสายตาด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์  
    • ตรวจตาโดยจักษุแพทย์ที่มีความชำนาญด้านเวชศาสตร์การบิน 
  8. ตรวจร่างกายโดยนายแพทย์ผู้ตรวจ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย

การเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพสำหรับนักบิน

  1. งดน้ำและอาหาร 8-12 ชั่วโมง   
  2. งดอาหารเสริมที่แพทย์ไม่ได้สั่งทุกชนิด 2-3 สัปดาห์  
  3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมง  
  4. ผู้ที่ใช้แว่นแก้ไขสายตา ให้นำใบสั่งแว่น หรือแว่นที่ใช้เพื่อทำการบินอันปัจจุบันมาวัดค่าสายตาด้วย 
  5. ผู้ที่เคยทำผ่าตัดแก้ไขสายตา ให้นำใบรับรองแพทย์ที่มีค่าสายตาก่อนผ่าตัดมาในวันตรวจ  
  6. หากมีโรคประจำตัวหรืออยู่ระหว่างเจ็บป่วยต้องแจ้งและนำยาที่ใช้มาให้แพทย์ดูด้วย 

สุขภาพตาของนักบิน

นักบินต้องสามารถมองเห็นได้ดี เพราะการรับรู้ของนักบิน ใช้ประสาทสัมผัสการมองเห็นเป็นหลัก นักบินต้องสามารถมองเห็นได้ชัดเจนทั้งระยะไกล เพื่อการรับรู้สภาพภูมิประเทศ การกะระยะในการวิ่งขึ้นและร่อนลงจอด และระยะใกล้ อาทิ การดูแผนภูมิ ข้อมูล และการอ่านค่าต่างๆ บนหน้าจอควบคุมของเครื่อง ปัญหาการมองเห็นในนักบินส่วนใหญ่ เกิดจากความผิดปกติของสายตาหรือการหักเหของแสงในลูกตา ได้แก่ สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง และสายตายืดในผู้ที่มีอายุ ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจทำให้ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานในการตรวจร่างกาย

ปัญหาการมองเห็นและโรคทางตาที่ต้องได้รับการประเมินในนักบิน

การมองเห็น 

  1. ความผิดปกติของการมองเห็น ที่เกิดจากการหักเหแสงผิดปกติในลูกตา (สายตาสั้น ยาว เอียง ยืด) 
  2. ความผิดปกติของกล้ามเนื้อตา นักบินต้องไม่มีตาเหล่หรือกล้ามเนื้อตาผิดปกติ ที่ทำให้เกิดภาพซ้อน   
  3. ความผิดปกติของการมองเห็นสี รับรู้สี นักบินต้องสามารถแยกแยะสีได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากเครื่องบินในปัจจุบันมีจอแสดงผลที่ใช้สัญญาณสีเพื่อจำแนกข้อมูล (Color-coded display) จำนวนมาก รวมถึงการมองเห็นภายนอกเครื่องซึ่งใช้สีเป็นสัญลักษณ์ อาทิ สีไฟบริเวณทางวิ่ง สัญญาณไฟ โดยเฉพาะสัญญาณกะระยะร่อนลงจอด (PAPI) 
  4. ความผิดปกติของการมองเห็นในเวลากลางคืน โดยเฉพาะการมองเห็นแสงจ้า (Glare) การมองเห็นแสงอาทิตย์ทรงกลด (Halo) และความเปรียบต่างของภาพลดลง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดกับผู้ที่ผ่านการผ่าตัดแก้ไขสายตา    
  5. ความผิดปกติของลานสายตา ซึ่งอาจเกิดจากโรคภายในลูกตา อาทิ ต้อหิน โรคของจอประสาทตาอื่นๆ หรืออาจเกิดจากโรคที่อยู่ในสมอง อาทิ เนื้องอกของต่อมใต้สมองที่มีการกดทับเส้นประสาทตา ก็เป็นได้เช่นกัน

โรคทางตาที่สำคัญ

  1. ต้อลม ต้อเนื้อ ซึ่งเกิดจากความเสื่อมสภาพของเยื่อบุตา ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคืออายุ และการสัมผัสกับรังสี UV ในแสงอาทิตย์ ซึ่งนักบินจะมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ที่ทำอาชีพอื่นที่ทำงานในสำนักงาน ต้อลมและต้อเนื้อมักไม่ส่งผลต่อการมองเห็น แต่อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองตา จึงควรใส่แว่นกันแดดกันลม และหยอดน้ำตาเทียมในระหว่างทำการบิน 
  2. ต้อกระจก คือความเสื่อมสภาพของเลนส์ตา (เลนส์ตาขุ่น) ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคืออายุ และการสัมผัสกับรังสี UV ในแสงอาทิตย์ เช่นเดียวกับต้อลมและต้อเนื้อ แต่ต้อกระจกมักส่งผลต่อการมองเห็น ทำให้การมองเห็นแย่ลง ซึ่งหากไม่ผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานการตรวจ จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดใส่เลนส์เทียมก่อน จึงจะสามารถทำการบินต่อได้ 
  3. ต้อหิน คือการเสียของเซลล์ประสาทตา ทำให้เห็นลักษณะขั้วประสาทตาที่บางลง ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคืออายุ กรรมพันธุ์ และความดันลูกตาที่สูงผิดปกติ นักบินที่มีต้อหินระยะเริ่มต้นและลานสายตายังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ อาจทำการบินต่อได้ โดยต้องมีการตรวจประเมินพิเศษตามระยะเวลาที่จักษุแพทย์เห็นสมควร 
  4. โรคจอประสาทตาอื่นๆ อาทิ โรคจอประสาทตาบวมน้ำ โรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงวัย ต้องได้รับการตรวจประเมินว่าการมองเห็นยังอยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการบิน ในบางกรณีอาจต้องงดทำการบินชั่วคราวและรักษาให้หายก่อนจึงจะสามารถกลับไปทำการบินต่อได้ 

การตรวจสุขภาพตาในนักบิน

นักบินจะต้องผ่านการตรวจตาทั่วไปทุกปี เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจร่างกายเพื่อต่ออายุใบสำคัญแพทย์ และจะต้องผ่านการตรวจตาอย่างละเอียดโดยจักษุแพทย์ ทุกๆ 5 ปี จนอายุครบ 40 ปี หลังจากนั้นก็จะทำการตรวจทุก 2 ปี หรือเมื่อมีโรคหรือความผิดปกติใดๆ ที่จักษุแพทย์เห็นว่าจำเป็นต้องมีการตรวจพิเศษเพิ่มเติมในระยะเวลาที่ถี่กว่านั้น นายแพทย์ผู้ตรวจจะกำหนดข้อจำกัดให้ตรวจตาเป็นกรณีพิเศษลงในใบสำคัญแพทย์ตามระยะเวลาที่เหมาะสม

การแก้ไขปัญหาการมองเห็นในนักบิน

ปัญหาสายตาที่เกิดจากการหักเหแสงผิดปกติ อาทิ สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง และสายตายืดในผู้สูงวัย แก้ไขได้ด้วยการใช้อุปกรณ์ช่วยการมองเห็น ได้แก่ แว่นสายตา และเลนส์สัมผัส เพื่อให้การมองเห็นกลับมาปกติและทำการบินได้อย่างปลอดภัย หากไม่ต้องการใส่อุปกรณ์ช่วยการมองเห็น ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งคือการผ่าตัดแก้ไขสายตา เพื่อให้สายตากลับมาปกติและสามารถมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ในปัจจุบันเทคโนโลยีการผ่าตัดแก้ไขสายตาได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมาก มีความแม่นยำและความปลอดภัยสูง จึงได้รับการยอมรับจากองค์กรการบินพลเรือนทั่วโลกให้นักบินที่ผ่านการผ่าตัดแก้ไขสายตา สามารถกลับไปทำการบินได้เช่นเดียวกับนักบินที่สายตาปกติ 

การผ่าตัดแก้ไขสายตาของนักบิน

1. การผ่าตัดแก้ไขสายตาที่กระจกตา  
คือการผ่าตัดปรับความโค้งกระจกตาด้วยแสงเลเซอร์ ที่ได้รับการยอมรับในปัจจุบันได้แก่ PRK, LASIK และ ReLEx SMILE ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ มีภาวะแทรกซ้อนน้อย การมองเห็นกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว อย่างไรก็ตามการมองเห็นในระยะ 3 เดือนแรก อาจยังไม่คงที่ ดังนั้นจึงต้องงดบินหลังผ่าตัดเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือน 

2. การผ่าตัดแก้ไขสายตาที่เลนส์ตา  
กรณีของนักบินบางรายมีข้อจำกัด เช่น กระจกตามีความบางมากเกินไป มีความโค้งผิดปกติ หรือมีโรคของกระจกตา ทำให้ไม่สามารถทำผ่าตัดที่กระจกตาได้ ทางเลือกในการทำผ่าตัดแก้ไขสายตา คือ การผ่าตัดแก้ไขที่เลนส์ตาด้วยการใส่เลนส์เสริม (ICL) หรือในรายของนักบินอาวุโสที่มีต้อกระจกร่วมด้วย ควรพิจารณาผ่าตัดใส่เลนส์เทียมเพื่อรักษาต้อกระจกและแก้ไขค่าสายตาในคราวเดียวกัน 

หากท่านต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่าตัดแก้ไขสายตา และข้อพิจารณาในนักบิน สามารถอ่านได้ในบทความพิเศษ Modern-Day Refractive Surgery, what should the pilots know? 

รู้จักกับนาวาอากาศโท นพ.เตชิษฐ์ มีระเสน

นาวาอากาศโท นพ.เตชิษฐ์ มีระเสน แพทย์ผู้ชำนาญด้านเวชศาสตร์ป้องกัน (แขนงเวชศาสตร์การบิน) และจักษุวิทยา Certificate of Aviation Medicine (Germany) และยังเป็นนายแพทย์ผู้ตรวจ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย 

โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ เป็นโรงพยาบาลที่จัดอยู่ในประเภท “ศูนย์เวชศาสตร์การบินพลเรือน” (Aeromedical Center – AMC) คือโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล ที่มีนายแพทย์ผู้ตรวจหรือนายแพทย์ผู้ตรวจอาวุโส ที่ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย แต่งตั้งให้ทำการตรวจเพื่อออกหรือตรวจเพื่อต่ออายุใบสำคัญแพทย์ทุกชั้น 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ ทำนัดปรึกษาแพทย์ คลิกที่นี่ 

Reference: บัญชีรายชื่อศูนย์เวชศาสตร์การบินพลเรือนและสถานที่ตรวจเวชศาสตร์การบินพลเรือนที่ได้รับการแต่งตั้งจากสํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2565

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?