ผู้ที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงก็ต่อเมื่อมีความดันโลหิต (ตัวบน / ตัวล่าง) มากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท (mmHg) ตลอดเวลา แม้ในระยะพักผ่อนปกติ
จากข้อมูลงานวิจัยใหม่ๆ พบว่าความดันโลหิตที่สูงขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย เป็นความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดต่างๆ เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้การตรวจวัดความดันโลหิตหากพบว่าความดันสูงผิดปกติ ควรทำการตรวจหลายๆ ครั้ง โดยกำหนดเวลาการตรวจให้ตรงกันทุกวัน เพื่อยืนยันว่าค่าความดันโลหิตปกติในชีวิตประจำวัน ที่ถูกต้อง หากพบว่าค่าเฉลี่ยค่อนข้างสูงควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษา เนื่องจากโรคความดันโลหิตสูงถือเป็นภัยเงียบที่ผู้ป่วยมักไม่มีอาการใดๆ เลย แต่อวัยวะภายในต่างๆ เสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ จนกระทั่งอวัยวะถูกทำลายไปมากแล้ว หรือเริ่มมีอาการแสดง เช่น เจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจ อัมพฤกษ์จากโรคหลอดเลือดสมอง ตัวบวมปัสสาวะออกน้อยจากโรคไตวาย ฯลฯ ซึ่งเป็นภาวะที่ยากจะฟื้นฟูอวัยวะเหล่านั้น ให้กลับมาเป็นปกติได้อีก
การป้องกัน
- ลดน้ำหนัก โดยเฉพาะผู้มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (BMI > 25 kg/m2)
- รับประทานอาหารที่มีเกลือโซเดียมต่ำ และเพิ่มการรับประทานผักและผลไม้
- ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน
- งดบุหรี่และแอลกอฮอล์
- ลดภาวะตึงเครียดในชีวิตประจำวัน (Psychosocial stress)
- รักษาภาวะนอนกรนที่มีลักษณะการหยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea) กรณีสงสัยภาวะดังกล่าว ควรให้แพทย์เฉพาะทางด้านโรคหูคอจมูกช่วยตรวจยืนยันและวินิจฉัย