โดยปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดมีมากถึงหนึ่งในสามของความบกพร่องทางอวัยวะส่วนอื่นๆ
เด็กทารกบางรายสามารถตรวจพบความผิดปกติของหัวใจได้ตั้งแต่ก่อนคลอดหรือตรวจพบทันทีหลังคลอด ในขณะที่เด็กบางคนพบความผิดปกติ แต่ไม่ส่งผลจนกว่าจะโตขึ้น หรือพบเมื่อมีอาการรุนแรงจนเกิดอันตรายยากเกินเยียวยาแล้ว
จากการศึกษาพบว่าส่วนใหญ่มักเกิดจากขณะตั้งครรภ์ แม่มีภาวะติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะหัดเยอรมัน รวมถึงการได้รับยาบางชนิดในช่วง 6-12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดมากถึง 50 % ที่เหลืออีก 50% เป็นการรักษาด้วยยา และการรักษาตามอาการ แต่อย่างไรก็ดี โรคหัวใจในเด็กยังไม่สามารถบอกสาเหตุที่แน่ชัดได้
หัวใจ เป็นอวัยวะชุดแรกที่เริ่มพัฒนาตั้งแต่ 4 สัปดาห์แรกของทารกในครรภ์ โดยจะพัฒนาต่อเนื่องอย่างรวดเร็วไปตลอด 2 สัปดาห์ ซึ่งช่วง 6 สัปดาห์นี้เองที่คุณพ่อคุณแม่จะได้ชื่นชมหัวใจของลูกน้อยผ่านการอัลตร้าซาวด์ ซึ่งช่วงนี้เป็นระยะที่ตัวอ่อนสามารถได้รับเชื้อโรคได้ง่าย เช่น เบาหวาน และหัดเยอรมัน ดังนั้นจึงเป็นช่วงที่คุณแม่ควรให้ความใส่ใจดูแลเรื่องความสะอาด อาหาร รวมถึงควันบุหรี่ และการได้รับยาบางชนิดที่อาจส่งผลต่อความพิการของหัวใจได้
ทางการแพทย์จะเปลี่ยนการเรียกตัวอ่อนเป็นทารกเมื่อเข้าสู่การตั้งครรภ์ในสัปดาห์ที่ 10 โดยหัวใจของทารกเริ่มมีโครงสร้างที่สมบูรณ์ เวลานี้เองที่นอกจากการได้เห็นร่างกายของทารกครบทุกส่วนแล้ว ยังจะได้ยินเสียงหัวใจของทารกผ่านเครื่องมือฟังเสียงหัวใจทารกที่เรียกว่า (Doppler sound wave stethoscope) โดยเสียงหัวใจทารกปกติมีความเร็วประมาณ 160 ครั้งต่อนาที แต่หากเทียบกับการเต้นของหัวใจผู้ใหญ่จะถือว่าเต้นเร็วมาก และเมื่ออายุครรภ์เข้าสู่สัปดาห์ที่ 12 การเต้นของหัวใจของทารกจะค่อยๆ ลดลง จนถึงการตั้งครรภ์ช่วง 28 – 38 สัปดาห์ หัวใจทารกจึงพัฒนาจนเสร็จสมบูรณ์
ของทารกในครรภ์ ได้แก่ คุณแม่ตั้งครรภ์มีภาวะเบาหวาน หรือติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น หัดเยอรมัน ความผิดปกติของโครโมโซมคุณแม่ ที่ส่งผลให้ทารกในครรภ์มีหัวใจเต้นผิดปกติ มีภาวะบวมน้ำ หรือเติบโตช้า รวมถึงมีหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด ครอบครัวมีประวัติโรคหัวใจแต่กำเนิด
อย่างไรก็ตามการตรวจหัวใจทารกในครรภ์ด้วยการอัลตร้าซาวด์ไม่สามารถบอกความผิดปกติของหัวใจทารกในครรภ์ได้ครอบคลุมทั้งหมด เนื่องจากโรคหัวใจในเด็กบางครั้งอาจตรวจพบหลังจากคลอดแล้ว หรือเมื่อเติบโตไปได้ระยะหนึ่ง
หากพบความผิดปกติ เช่น ความดันโลหิตสูง เลือดออกช่องคลอด ให้พบแพทย์ทันที
ตามที่บอกว่าโรคหัวใจในเด็ก บางครั้งจะแสดงอาการขึ้นภายหลัง การดูแลรักษาจึงมีทั้งกระบวนการประคับประคองด้วยการใช้ยาในผู้ป่วยเด็กที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด ให้การดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน ควบคุมผู้ป่วยให้ออกกำลังกายเบาๆ หรือตามคำแนะนำของแพทย์ รวมถึงไม่ผลักดันให้เด็กที่เป็นโรคหัวใจเกิดความเครียดหรือฝึกกีฬาอย่างหักโหม หากพบว่าเด็กเกิดภาวะเขียวจากระดับออกซิเจนลดลง ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อวินิจฉัยและ ประเมินการรักษาซึ่งอาจจะต้องใช้วิธีการผ่าตัด ในกรณีที่จำเป็น ไม่สามารถรักษาด้วยยา
เพราะหัวใจเป็นอวัยวะสำคัญที่เริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ไปจนตลอดชีวิต คุณแม่ตั้งครรภ์จึงควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ตลอดระยะตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงโรคหัวใจในเด็ก ทั้งสูตินรีแพทย์และกุมารแพทย์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง นอกจากนี้หากทารกแรกเกิดหรือตรวจพบภายหลังว่าเป็นโรคหัวใจ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรตื่นตระหนกหรือเป็นกังวลมากเกินไป ควรทำความเข้าใจ โรคหัวใจในเด็ก ว่าสามารถรักษาให้หายขาดได้โดยกุมารแพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจ อย่าลืมว่า “หัวใจลูกแข็งแรงได้ด้วยหัวใจแข็งแกร่งของคุณพ่อและคุณแม่”
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่