เมื่อพูดถึงโรคหัวใจ หลายคนมักคิดถึง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งพบได้บ่อยที่สุดในบรรดาโรคหัวใจ และเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการเสียชีวิต โรคหัวใจแบ่งออกได้เป็นหลายกลุ่มโรค ดังนี้
1. โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease : CAD)
โรคหลอดเลือดหัวใจ Coronary Artery Disease (CAD) แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
- โรคหลอดเลือดหัวใจชนิดเฉียบพลัน
จะมีอาการเหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอกช่วงกึ่งกลางหน้าอก โดยจะเจ็บถี่ขึ้น อาการมักเป็นรุนแรง และเกิดได้มากขึ้น แม้ไม่ใช่ขณะออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา นอกจากนี้อาจมีอาการใจสั่น หรือเหงื่อแตก หากไม่ได้รับการรักษาทันทีอาจเกิดภาวะหัวใจวาย (Heart Attack) และเสียชีวิตได้ ดังนั้น ต้องรีบนำผู้ป่วยพบแพทย์ให้เร็วที่สุด ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากอายุที่เพิ่มขึ้น ภาวะไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง รวมถึงการสูบบุหรี่จัด
- โรคหลอดเลือดหัวใจชนิดเรื้อรัง
- พบอาการแน่นบริเวณกึ่งกลางอกแบบเป็นๆ หายๆ อาจมีอาการแน่นหน้าอกร้าวไปกรามหรือหัวไหล่ซ้าย โดยมักเกิดขณะใช้กำลัง เช่น ออกกำลังกาย เดินเร็ว หรือการขึ้นบันได เมื่อได้นั่งพักอาการก็จะหายไป หรืออาจมาด้วยอาการเหนื่อยง่ายเวลาออกแรง
2 โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Cardiac Arrhythmia)
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Cardiac Arrhythmia) อัตราการเต้นของหัวใจสำหรับคนปกติอยู่ที่ 60 - 100 ครั้งต่อวินาที กรณีหัวใจเต้นผิดจังหวะ แบ่งความผิดปกติออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ส่งผลให้การสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และอาจเพิ่มความเสี่ยงภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหลอดเลือดสมองอุดตัน สาเหตุสำคัญของภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ คือความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด และหลอดเลือดหัวใจตีบ ทั้งนี้ยังเกิดจากสุขภาพร่างกาย เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โดยมีอาการใจสั่นรวมทั้งหน้ามืดเป็นลม ซึ่งควรเข้ารับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม
- หัวใจเต้นช้าผิดปกติ คือน้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที
- หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ คือเร็วกว่า 100 ครั้งต่อนาที
- หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ เช่น เต้น ๆ หยุด ๆ หรือเต้นเร็วสลับช้า
3. โรคกล้ามเนื้อหัวใจ
เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้ไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้ตามปกติ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง (Cardiomyopathy) เป็นความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ สาเหตุที่พบบ่อย มาจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย ความสามารถในการบีบตัวลดลงหรืออาจมาจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาจากพันธุกรรม รวมทั้งโรคกล้ามเนื้อหัวใจทำงานผิดปกติที่ไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ความดันในห้องหัวใจสูงขึ้นทำให้ห้องหัวใจโต ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการแสดงชัดเจน ขาบวม เหนื่อย นอนราบไม่ได้หรือมาพบแพทย์ด้วยภาวะน้ำท่วมปอด
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis) ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวลดลง และการนำไฟฟ้าของหัวใจผิดปกติ อาการที่สังเกตได้คือ เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย ขาบวม ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
4. โรคลิ้นหัวใจ (valvular heart disease)
โรคลิ้นหัวใจ (valvular heart disease) แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
- โรคลิ้นหัวใจตีบ (Stenosis) เป็นภาวะที่ลิ้นหัวใจเปิดและปิดได้ไม่สุด เลือดจึงออกจากห้องหัวใจยากขึ้น ทำให้เกิดความดันและปริมาณเลือดสะสมย้อนกลับไปสู่ห้องหัวใจและหลอดเลือด
- โรคลิ้นหัวใจรั่ว (Regurgitation) ซึ่งเป็นภาวะที่ลิ้นหัวใจปิดไม่สนิท มีรูรั่วหรือขาด ส่งผลให้ประสิทธิภาพการไหลเวียนเลือดในหัวใจลดลงและหัวใจทำงานหนักขึ้น
สาเหตุความผิดปกติของลิ้นหัวใจ แบ่งได้ 3 กลุ่ม ได้แก่
- ความพิการของลิ้นหัวใจแต่กําเนิด (Congenital Valve Disease) เช่น ลิ้นหัวใจตีบ ซึ่งมีอาการตั้งแต่แรกคลอดและจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
- โรคลิ้นหัวใจผิดปกติจากการเสื่อมสภาพ (Degenerative Valve Disease) ส่วนใหญ่พบในผู้สูงอายุ เนื่องจากเนื้อเยื่อของลิ้นหัวใจเสื่อมสภาพ
- โรคลิ้นหัวใจอักเสบจากการติดเชื้อ (Infective Endocarditis) เกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือด (Bacteremia) และเชื้อโรคไปเกาะกินที่ลิ้นหัวใจ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการเฉียบพลันและหัวใจวายรุนแรง รวดเร็ว อาการที่สังเกตได้ คือ เหนื่อยเร็วกว่าปกติ หากพบมีภาวะบวม เหนื่อยมาก ไม่สามารถนอนราบ หายใจลําบาก ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษา
5. โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด (Congenital Heart Disease)
ความผิดปกติของการพัฒนาโครงสร้างหัวใจตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โดยมีความผิดปกติทางพันธุกรรมเป็นปัจจัยเสี่ยง รวมถึงมารดาได้รับยาบางอย่างในช่วงก่อนหรือระหว่างการตั้งครรภ์ นอกจากนี้การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้สารเสพติด ก็มีส่วนทำให้ทารกเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดได้ โดยทารกตรวจพบอาการหัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว ดื่มนมน้อย โตช้า เล็บสีม่วงคล้ำ อ่อนเพลีย และเหงื่อออกมาก