ปัจจุบันพบว่ามะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิง และยังไม่มีวัคซีนป้องกันเหมือนมะเร็งปากมดลูก วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดในขณะนี้คือต้องทราบความเสี่ยงของตนเอง และหมั่นตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ
วิธีการป้องกันและการคัดกรองความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านมมีดังนี้
วิธีการ | ความถี่ในการตรวจ | ผู้ควรเข้ารับการตรวจ |
อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป | ||
การตรวจเต้านมด้วยตนเอง | ประมาณเดือนละ 1 ครั้ง และตรวจเป็นประจำทุกเดือน | ผู้หญิงทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป |
อายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป | ||
การตรวจแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์ | 1-2 ครั้งต่อปี | – ผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่
– ผู้หญิงอายุน้อยกว่า 40 ปีที่พบความผิดปกติของเต้านม หรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมสูงกว่าปกติ อาทิ มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม หรือเคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน |
อายุน้อยกว่า 40 ปี | ||
การตรวจอัลตราซาวด์ | 1-2 ครั้งต่อปี | – ผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี โดยเฉพาะ
– หญิงมีครรภ์ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการได้รับรังสี |
อายุมากกว่า 30 ปี | ||
การตรวจพันธุกรรม BRCA | – | ผู้หญิงที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม หรือเคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน |
ควรเริ่มตรวจเต้านมด้วยตนเองตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป โดยตรวจเป็นประจำทุกเดือน ในช่วงหลังหมดประจำเดือนแล้ว 7-10 วัน ซึ่งเป็นช่วงที่เต้านมไม่มีการคัดตึงแล้ว ความผิดพลาดจะน้อยลง โดยเริ่มจากการยืนหน้ากระจก เพื่อดูความผิดปกติของเต้านมในท่าห้อยแขน ยกแขน และเอามือเท้าสะเอว อย่าลืมใช้นิ้วมือรีดบริเวณฐานนมไปหาหัวนมเพื่อดูว่ามีสิ่งคัดหลั่งที่ผิดปกติไหลออกมาจากหัวนมหรือไม่ จากนั้นจึงใช้ส่วนปลายของฝ่านิ้วมือ 3 นิ้ว คือ ชี้ กลาง นาง กดคลำและคลึงให้ทั่วเต้านม ในท่านอน และท่ายืน (แนะนำให้ใช้สบู่หรือโลชั่นช่วย เพื่อให้การคลึงและคลำทำได้สะดวกขึ้น)
สิ่งที่ควรดูขณะอยู่หน้ากระจก
ดูขนาด ลักษณะ รูปร่าง ลักษณะของผิวและสีผิวเต้านม หากพบสิ่งผิดปกติดังต่อไปนี้ให้รีบปรึกษาแพทย์
การคลำหรือการคลึงเต้านมด้วยตัวเอง จะใช้บริเวณสัมผัสของปลายนิ้ว 3 นิ้วคือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง โดยตรวจข้างไหนต้องใช้มือด้านตรงข้ามในการคลำหรือคลึง ใช้วิธีการสัมผัสเป็นวงกลมและเคลื่อนไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องยกนิ้วมือสัมผัสขึ้นจากผิวของเต้านม และการคลำหรือคลึงต้องทำให้ได้ทุกพื้นที่ของเต้านม รวมถึงบริเวณหางนม (บริเวณระหว่างช่วงหัวนมถึงไหล่ข้างนั้น) และบริเวณรักแร้ การคลำอาจจะทำได้หลายรูปแบบด้วยกันเช่น เป็นรูปวงกลมก้นหอย รูปซิกแซกขึ้นลง หรือรูปรัศมีพระอาทิตย์ เมื่อตรวจเต้านมข้างดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการตรวจเช่นเดียวกันในเต้านมอีกข้าง หากสัมผัสได้ก้อนหรือไม่แน่ใจว่าเป็นก้อนอย่าลังเลที่จะไปพบหรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ควรเริ่มทำเมื่ออายุ 35 ปี และเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไปควรตรวจทุก 1-2 ปี การตรวจเต้านมด้วยเครื่องดิจิตอลแมมโมแกรม หรือ ดิจิตอล แมมโมกราฟฟี่ นั้นเป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ ที่ถ่ายภาพและเก็บรักษาภาพไว้ในฐานข้อมูลของระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้แพทย์สามารถอ่านผลได้สะดวก และตรวจพบมะเร็งได้ง่ายขึ้นด้วยความสว่างและคมชัดของภาพ เมื่อแพทย์พบจุดที่น่าสงสัยหรือสังเกตเห็นความผิดปกติก็สามารถขยายภาพให้เห็นได้ชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจหาความผิดปกติได้แต่เนิ่นๆ เนื่องจากสามารถเห็นเงาการเกาะตัวของแคลเซียมในเต้านมได้ชัดเจนกว่าระบบเดิม ยิ่งกว่านั้น การตรวจด้วยวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อเยื่อเต้านมมีลักษณะเฉพาะ ซึ่งอาจดูกลมกลืนกับเนื้อร้ายได้ จึงทำให้ตรวจพบความเปลี่ยนแปลงที่จะนำไปสู่มะเร็งเต้านมได้เร็วยิ่งขึ้น
การตรวจเต้านมด้วยเครื่องดิจิตอลแมมโมแกรม (Digital Mammogram) ในกลุ่มผู้หญิงวัย 40 ปีขึ้นไปสามารถลดความเสี่ยงการตายจากมะเร็งเต้านมได้ถึง 30%
ข้อดีของการเอ็กซเรย์เต้านม โดยใช้เครื่องดิจิตอลแมมโมแกรม
การเตรียมตัวก่อนตรวจแมมโมแกรม (mammogram)
การตรวจอัลตราซาวด์ (Ultrasound) เป็นการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงเข้าไปในเนื้อเต้านม เมื่อคลื่นเสียงกระทบกับเนื้อเยื่อต่างๆ จะสะท้อนกลับขึ้นมาที่เครื่องตรวจ ทำให้สามารถตรวจจับความแตกต่างของเนื้อเยื่อปกติกับก้อนในเต้านมได้ และยังสามารถตรวจสอบได้ว่าก้อนในเต้านมนั้นมีองค์ประกอบเป็นน้ำ หรือเป็นก้อนเนื้อ หากเป็นก้อนเนื้อ อัลตราซาวด์จะช่วยบอกว่าก้อนเนื้อนั้นมีขอบที่ดูเรียบหรือดูค่อนไปทางเป็นเนื้อร้ายมากน้อยเพียงใด
หลายคนสงสัยว่าทำไมต้องตรวจอัลตราซาวด์ร่วมด้วย เป็นเพราะว่าคนไทยหรือชาวเอเชียส่วนใหญ่มีเนื้อเต้านมค่อนข้างแน่น (Dense breast) กว่าชาวตะวันตก หากมีก้อนเนื้อหรือความผิดปกติใดๆ ก็มีโอกาสถูกบดบังจากภาพแมมโมแกรม และการตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ยังสามารถเห็นรอยโรคขนาดเล็ก 2-3 มิลลิเมตร ซึ่งช่วยในการตรวจหาความผิดปกติได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่าการตรวจแมมโมแกรมเพียงอย่างเดียวมีผลลบลวง (false negative) ซึ่งหมายความว่า ผู้ป่วยเป็นมะเร็งแต่มองไม่เห็นจากแมมโมแกรม 4-34 % แต่เมื่อทำการตรวจอัลตราซาวด์ร่วมด้วย จะทำให้ผลลบลวงลดเหลือ 2-3 % เท่านั้น
สาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งเต้านมเกิดจากความผิดปกติในรหัสพันธุกรรมของยีน BRCA ซึ่งสามารถถ่ายทอดสู่ลูกได้ทั้งจากบิดาหรือมารดา ผู้ที่ได้รับยีนที่ผิดปกตินี้จะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมเกือบร้อยละ 90 และมะเร็งรังไข่ร้อยละ 50 หากตรวจพบได้ว่าตนเองมีความผิดปกติในพันธุกรรมก็สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีป้องกันการเป็นมะเร็งข้างต้นได้ก่อนที่จะมีอาการ
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่