หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่อง การวิ่งมาราธอน มินิมาราธอน และไตรกีฬา แต่มีอีกหลายคนที่อาจไม่คุ้นเคยกับการ วิ่งเทรล หรืออัลตรา เราจะพามาคุยกับแพทย์ผู้ชำนาญการด้านโรคหัวใจ และมีความเชี่ยวชาญพิเศษในการดูแลสุขภาพหัวใจของกีฬา อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักในวงการนักวิ่งเทรล และอัลตราอีกด้วย นายแพทย์นรศักดิ์ สุวจิตตานนท์
A: โดยส่วนใหญ่ที่เราคุ้นเคยกัน มี 3 ประเภท คือ มินิมาราธอน ฮาล์ฟมาราธอน และมาราธอน แต่จริงๆ แล้ว สำหรับการจัดแข่งขันวิ่งในบ้านเราสามารถแบ่งตามระยะทางที่วิ่ง
A: การวิ่งเทรล (Trail Running) จัดเป็นการวิ่งแบบผสมผสาน ระหว่างการวิ่งและการเดินเขา จัดเป็นการวิ่งมาราธอนแนวลุย สำหรับสายชอบลุย โดยส่วนมาก เส้นทางวิ่งจะอยู่ในป่า ลัดเลาะตามเนินเขา พื้นที่วิ่งอาจพบเจอกรวด ทราย หิน ดินหลากหลายรูปแบบ ซึ่งใครที่ชอบการวิ่งในป่า สูดอากาศธรรมชาติพร้อมชมวิวไปด้วยอาจจะชอบการวิ่งแบบนี้ ซึ่งระยะการแข่งขันในไทยแบ่งออกเป็นหลายระยะทาง ตั้งแต่ 15 ถึง 100 กิโลเมตร ในแต่ละเส้นทางก็จะมีค่าความสูงสะสม (Elevation Gain) หรือระดับความชันของเส้นทางที่แตกต่างกันออกไปอีก
ทั้งนี้ หากการวิ่งเทรลนั้นมีระยะมากกว่า 42 กิโลเมตร เราจะเรียก ระยะอัลตรา รวมเรียกชื่อเป็น การวิ่งเทรล-อัลตรา สำหรับใครที่เบื่อการวิ่งมาราธอนแบบเดิมๆ แล้ว อยากเปลี่ยนบรรยากาศเข้าหาธรรมชาติก็ต้องลองวิ่งเทรลดูสักครั้งในชีวิต ส่วนการวิ่งแบบผสมผสานชนิดอื่นๆ เช่น ไตรกีฬา (Triathlons) จะประกอบด้วย 3 ชนิดกีฬา ได้แก่ การแข่งขันว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และวิ่งมาราธอน ตามระยะที่ถูกกำหนด
A: การเสียชีวิตฉับพลันขณะออกกำลังกาย จริงๆ ไม่ใช่แค่กีฬาวิ่ง แต่พบได้ในกีฬาทุกประเภท ส่วนใหญ่แล้วมีสาเหตุมาจากโรคหัวใจ โดยในผู้ที่มีอายุเกิน 35 ปี มักมีสาเหตุจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือหลอดเลือดหัวใจตีบแบบเฉียบพลัน ส่วนผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี มักมีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ หรือโรคกลุ่มหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่อัตราการเสียชีวิตประมาณ 1 ใน 100,000 คน ซึ่งน้อยกว่าคนปกติทั่วไปมาก
ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตาม ที่กำลังอยากเริ่มออกกำลังกายหรือรักการวิ่ง และอยากลงแข่งขันรายการวิ่ง ควรได้รับการตรวจสุขภาพก่อน โดยเฉพาะการแข่งขันวิ่งที่มีระยะทางมากกว่า 10 กิโลเมตรขึ้นไป อย่างน้อยควรได้รับตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และการเดินสายพาน (exercise stress test) เพราะจะช่วยให้ตรวจพบความผิดปกติบางอย่างที่อาจเป็นความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจได้ อย่างไรก็ตาม การตรวจแบบนี้ไม่ได้การันตี100 % ว่าถ้าผลออกมาปกติ จะไม่เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือหัวใจวายขณะวิ่ง เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่าง เช่น โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน การพักผ่อนไม่เพียงพอก่อนแข่ง นอนดึก ซ้อมหนักจนร่างกายไม่ได้พัก ดื่มน้ำไม่เพียงพอ หรืออากาศร้อนจนเกิดภาวะ heat stroke สิ่งเหล่านี้ก็อาจทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันในวันแข่งได้ ซึ่งถ้าหากร่างกายไม่พร้อมก็แนะนำว่าควรงดการแข่งขันไปก่อนและทางที่ดีควรมองหาการแข่งขันที่ได้มาตรฐาน มีทีมแพทย์ พยาบาล และรถปฐมพยาบาล เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ หรือ AED เพราะกรณีโชคร้ายเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ทีมแพทย์ที่ดูแลการแข่งขันจะได้รีบช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
A: การวิ่งมากไป อาจต้องดูว่าเป็นการวิ่งแบบไหน หากเป็นการวิ่งระยะไกลต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ หัวใจข้างขวาจะรับภาระหนักกว่าหัวใจข้างซ้าย ส่งผลให้เกิดแรงเค้นและความเครียดในผนังหัวใจข้างขวา ทำให้มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บที่ผนังหัวใจได้ ซึ่งปัจจุบันมีรายงานผ่านวารสารทางการแพทย์ที่ได้รับการรีวิวโดยผู้เชี่ยวชาญ (peer-reviewed) ในกลุ่มนักกีฬา นักวิ่งระยะไกล elite และ sub-elite athletes (sub 3 marathon, >10h intense exercise training per week) ในการแข่ง Marathon, Ultra triathlon (3.8/180/42.195) และ Alpine Cycling พบว่าการบาดเจ็บสัมพันธ์ทางตรงกับ "ระยะเวลาที่จบในการแข่งแต่ละครั้ง" และ "จำนวนครั้งที่ลงแข่ง"
แต่อย่างไรก็ตาม หัวข้อนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ เนื่องจากจำนวนประชากรที่ศึกษามีจำนวนน้อยและไม่ได้มีการศึกษาในระยะยาว แต่ข้อสรุปเดียวที่พอจะระบุได้ว่าเกิดจากการออกกำลังกายหนักๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ น่าจะมีแค่การเกิดอุบัติการณ์ของภาวะหัวใจสั่นพริ้ว (Atrial Fibrillation) ที่พบได้มากขึ้นประมาณ 5-6 เท่า เมื่อเทียบกับนักกีฬา Endurance กับคนปกติที่สุขภาพแข็งแรง
A: ถ้าออกกำลังกายปกติ มักไม่มีปัญหา นอกจากนั้นยังส่งเสริมให้หัวใจแข็งแรงอีกด้วย แต่ถ้าเป็นคนที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะคนที่มีโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไต ที่อยากออกกำลังกายที่เข้มข้นกว่าที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ (3-5 ครั้งต่อสัปดาห์) หรือนักกีฬาที่ต้องการการออกกำลังกายหนัก เช่น วิ่ง Half Marathon ขึ้นไป หรือการแข่งขันไตรกีฬา ควรตรวจเช็กร่างกายกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อคัดกรอง ประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นหรือหัวใจขาดเลือด พร้อมวางแผนการออกกำลังกายที่เหมาะสมต่อไป
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่