การส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร คือ อีกหนึ่งกระบวนการวินิจฉัยและให้การรักษาโรคระบบทางเดินอาหาร โดยใช้กล้องที่มีสายยาวสอดเข้าไปทางปากหรือทวารหนัก แบ่งเป็น
นอกจากนี้ยังมีการส่องกล้องด้วยวิธีกลืนแคปซูลทางปากสำหรับตรวจวินิจฉัยบริเวณลำไส้เล็กส่วนกลาง โดยปกติใช้เวลาตรวจประมาณ 8-12 ชั่วโมง
การตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนบนโดยการส่องกล้อง (Gastroscopy, EGD) หรือการส่องกล้องกระเพาะอาหาร เป็นการตรวจเพื่อให้แพทย์สามารถเห็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยโรคได้ชัดเจนผ่านกล้อง ซึ่งเป็นวิธีการตรวจวินิจฉัยโรคบริเวณหลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น เพื่อหาสาเหตุความผิดปกติของทางเดินอาหารส่วนบน โดยใช้เวลาในการตรวจประมาณ 20–30 นาที
โดยผู้ป่วยจำเป็นต้องงดน้ำ งดอาหาร 6-8 ชั่วโมง และในกรณีที่ผู้ป่วยสวมใส่ฟันปลอมให้ถอดออกหรือถ้าพบว่ามีฟันซี่ใดโยกหรือผิดปกติควรแจ้งแพทย์ให้ทราบ
การส่องกล้องตรวจท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (ERCP) เป็นการตรวจรักษาโดยการกล้องส่องเข้าไปทางปากผ่านหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น จนถึงท่อเปิดของน้ำดีในลำไส้เล็ก ใช้ในการตรวจหาความผิดปกติของท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน เช่น ภาวะดีซ่าน นิ่วในท่อทางเดินน้ำดี ท่อทางเดินน้ำดีอุดตัน ท่อตับอ่อนอุดตัน เนื้องอกท่อทางเดินน้ำดี หรือตับอ่อนอักเสบจากนิ่วในท่อทางเดินน้ำดี
โดยผู้ป่วยจำเป็นต้องงดน้ำและอาหารก่อนตรวจอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง และงดยาละลายลิ่มเลือดอย่างน้อย 7 วัน
การตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนล่างโดยการส่องกล้อง (Colonoscopy) เป็นการใช้กล้องชนิดอ่อนใส่ผ่านเข้าทางทวารหนักขึ้นไป เพื่อเป็นการตรวจความผิดปกติของลำไส้ใหญ่ทั้งหมด อาจรวมถึงการตรวจลำไส้เล็กส่วนปลาย และช่วยในการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อส่งตรวจเพื่อทำการวินิจฉัยต่อ โดยใช้เวลาในการตรวจประมาณ 30 - 45 นาที
โดยผู้ป่วยจำเป็นต้องงดน้ำและอาหารก่อนตรวจอย่างน้อย 8 ชั่วโมง หรือรับประทานยาระบายก่อนตรวจเพื่อเคลียร์ลำไส้ให้สะอาดหรือตามดุลพินิจของแพทย์ผู้ทำการตรวจ
สำหรับผู้ป่วยที่ใช้ยาชาเฉพาะที่ ควรรอให้ยาชาหมดฤทธิ์ประมาณ 15-30 นาที จึงค่อยเริ่มจิบน้ำ หากไม่รู้สึกชาในคอหรือกลืนลำบากแล้ว จึงสามารถเริ่มรับประทานอาหารอ่อนได้
ในกรณีที่ใช้ยานอนหลับ ยาอาจมีฤทธิ์จนถึงช่วง 5-15 นาที หลังแพทย์ส่องกล้องเสร็จ ผู้ป่วยควรนอนพักจนร่างกายตื่นเต็มที่ จากนั้นจึงค่อยไปพบแพทย์เพื่อฟังผลตรวจ
จะเห็นได้ว่าการส่องกล้องระบบทางเดินอาหารไม่น่ากลัว อีกทั้งยังรวดเร็ว ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการระบุหรือวินิจฉัยอาการผิดปกติที่ท่านกำลังเผชิญอยู่ และหากท่านเป็นคนหนึ่งที่มีอาการดังกล่าว หรือครอบครัวมีประวัติเจ็บป่วยจากอาการข้างต้น แนะนำให้มาพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจตั้งแต่เนินๆ เพื่อที่จะได้ดูแลตัวเองหรือทำการรักษาได้ทันท่วงที
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่