เป็นเรื่องน่ายินดีที่ปัจจุบันผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ และส่งเสริมให้เล่นกีฬากันมากขึ้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บขึ้นและอวัยวะที่พบการบาดเจ็บได้บ่อย คือ “การบาดเจ็บบริเวณข้อเข่า”
โครงสร้างหลักของเข่า ประกอบด้วย
โครงสร้างที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้น มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บขณะเล่นกีฬาด้วยกันทั้งสิ้น
การเล่นกีฬาทุกประเภทมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บข้อเข่าได้ทั้งสิ้น แต่กีฬาที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บข้อเข่าได้บ่อย คือกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว หรือที่ต้องใช้กำลังในการปะทะ เช่น แบดมินตัน บาสเกตบอล ฟุตบอล อเมริกันฟุตบอล ยูโด เทควันโด เป็นต้น
ข้อควรปฏิบัติภายหลังเกิดการบาดเจ็บข้อเข่าคือ หยุดเล่นกีฬาทันทีและทำการประคบเย็นโดยใช้ Cold Pack หรือน้ำแข็งห่อผ้าประคบบริเวณหัวเข่า เพื่อลดการอักเสบ ปวด บวม แนะนำลดการเคลื่อนไหวหรือหลีกเลี่ยงการเดินลงน้ำหนักเข่าข้างที่ได้รับบาดเจ็บ และรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและประเมินความรุนแรงของการบาดเจ็บ
ผู้ได้รับบาดเจ็บจะมีอาการเจ็บเวลาขยับหัวเข่าโดยเฉพาะตอนเดินลงน้ำหนัก และบวมในข้อเข่า ซึ่งอาจเกิดทันที หรือเกิดหลังจากอุบัติเหตุ 1-2 ชั่วโมง หรืออาจเกิดในเวลาถัดไปก็ได้ ขึ้นกับโครงสร้างที่ได้รับบาดเจ็บและระดับความรุนแรง
ข้อเข่าหรือกระดูกอาจผิดรูปได้หากมีการแตกหักหรือเคลื่อนหลุดของกระดูกข้อเข่า ผู้บาดเจ็บบางรายอาจได้ยินเสียงดังขึ้นขณะบิดข้อเข่า ซึ่งเป็นเสียงของการฉีกขาดของเอ็นไขว้หน้า หัวเข่าของผู้ได้รับบาดเจ็บจะบวมขึ้นทันทีหรือภายหลังการบาดเจ็บ 1-2 ชั่วโมง ทำให้ไม่สามารถเหยียดเข่าได้ตรง งอเข่าได้ไม่เต็มที่ และหากมีการบาดเจ็บร่วมกับเส้นเอ็นอื่นหรือหมอนรองกระดูก ผู้ได้รับบาดเจ็บมักจะเจ็บมากจนไม่สามารถเดินลงน้ำหนักได้ ซึ่งในกรณีนี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และเอกซเรย์ข้อเข่า ในบางรายอาจมีความจำเป็นต้องตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) หรือเครื่องเอ็กซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยการบาดเจ็บของเส้นเอ็น และหมอนรองกระดูกข้อเข่า
แพทย์ศัลยกรรมกระดูกจะทำหน้าที่ประเมินและวินิจฉัย ซึ่งแนวทางการรักษาขึ้นกับปัจจัย ดังต่อไปนี้
สำหรับวิธีรักษามีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด ได้แก่ การรับประทานยาระงับอาการปวด หรือระงับการอักเสบ การทำกายภาพบำบัด การฉีดยาเฉพาะจุดหรือการฉีดยาเข้าข้อ จนถึงการรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งปัจจุบันนิยมใช้การผ่าตัดส่องกล้อง (Arthroscopic Surgery) เพราะผู้รับการผ่าตัดจะฟื้นตัวได้เร็วกว่า มีความเจ็บปวดภายหลังการผ่าตัดน้อยกว่า
“การรักษาการบาดเจ็บของเส้นเอ็นไขว้หน้าไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดเสมอไป อย่างไรก็ตาม เอ็นไขว้หน้าที่ฉีกขาดจะไม่สามารถประสานกันได้ ผู้ที่มีเอ็นไขว้หน้าฉีกขาดที่ไม่ได้รับการผ่าตัดสามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันทั่วๆ ไปได้ แต่ควรเลี่ยงการเล่นกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว เพราะหัวเข่าที่ไม่มีเอ็นไขว้หน้าจะหลวม ทำให้มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บของโครงสร้างอื่นๆ ในหัวเข่าได้”
“การรักษาเอ็นไขว้หน้าฉีกขาดมี 2 วิธี คือ
“เพียงแค่การรักษาด้วยการผ่าตัดอย่างเดียวไม่สามารถทำให้กลับไปเล่นกีฬาได้เหมือนเดิม ผู้ที่รับการผ่าตัดจำเป็นต้องทำกายภาพบำบัดบริหารกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรง นอกจากนี้ต้องฝึกทักษะการทรงตัวและการเคลื่อนไหวในทิศทางต่างๆ รวมถึงฝึกทักษะของการทำงานร่วมกันระหว่างกล้ามเนื้อหลายส่วน จึงจะสามารถกลับไปเล่นกีฬาได้เหมือนเดิมหรือใกล้เคียงเดิมมากที่สุด”
“โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้เวลาประมาณ 8-9 เดือน จึงจะสามารถกลับไปเล่นกีฬาได้ใกล้เคียงเดิม”
“ในกรณีที่มีเส้นเอ็นไขว้หน้าฉีกขาด ข้อหัวเข่าจะหลวม และมีโอกาสเกิดภาวะเข่าเสื่อมได้ก่อนวัยอันควร ซึ่งภาวะเข่าหลวมอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บกับโครงสร้างอื่น ๆ เช่น กระดูกอ่อน หมอนรองกระดูกและเส้นเอ็นเส้นอื่น ตามมาอีกได้ อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ในการผ่าตัดรักษา เอ็นไขว้หน้าฉีกขาด เพื่อทำให้ข้อเข่ามีความมั่นคงใกล้เคียงเดิมและช่วยให้กลับไปเล่นกีฬาได้เหมือนเดิมเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาที่ยืนยันว่าการผ่าตัดรักษาเอ็นไขว้หน้าฉีกขาดสามารถป้องกันการเกิดภาวะเข่าเสื่อมก่อนวัยอันควรได้ “
“ก่อนเล่นกีฬาทุกครั้งควรวอร์มอัพกล้ามเนื้อ เพื่อให้กล้ามเนื้อพร้อมใช้งาน และจำเป็นต้องบริหารกล้ามเนื้อให้ยืดหยุ่นและมีความแข็งแรงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า ด้านหลัง กล้ามเนื้อสะโพก และกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว นอกจากนี้การฝึกการทรงตัว รวมถึงฝึกการทำงานประสานกันระหว่างสมอง กล้ามเนื้อ และข้อเข่า จะช่วยลดอุบัติการณ์ของการเกิดการบาดเจ็บของข้อเข่าขณะเล่นกีฬาลงได้”
การเล่นกีฬาเป็นสิ่งที่ดี ช่วยทำให้สุขภาพร่ายกายแข็งแรง แต่ควรเล่นอย่างถูกวิธีและเรียนรู้ที่จะรับมือ ป้องกันกับปัญหาหรืออาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงไม่ละเลยที่จะรักษาอาการบาดเจ็บและไปพบแพทย์เมื่อเกิดอาการผิดปกติ อย่ารอจนอาการนั้นเรื้อรังหรือรุนแรงมากขึ้น
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่