เรื่องกินเรื่องใหญ่… ฉลองก็กิน เครียดก็กิน ดริ้ง แดร้ง ดรั้ง กันตามประสา แต่หารู้ไม่ว่าพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตหลายๆ อย่างของเรานั้นเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ โอกาสนี้เลยขอพูดถึงการกิน อยู่ อย่างไรให้ปลอดภัยและห่างไกลจากมะเร็งลำไส้ใหญ่กัน
อาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเริ่มต้นมักไม่ค่อยแสดงอาการออกมาให้เห็น ถ้าเริ่มมีอาการออกมาเมื่อไหร่นั่นหมายความว่าระยะของโรคมะเร็งมักจะไปไกลแล้ว อาการที่แสดง เช่น เบื่ออาหาร ท้องอืด ถ่ายผิดปกติ มีเลือดปนในอุจจาระ ถ่ายยาก ลำบาก อุจจาระลำเล็กลง น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หากไม่เคยมีอาการแบบนี้ แล้วอยู่ๆ มาเป็นต่อเนื่องกันในระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไป ถ้าเป็นแบบนี้ควรรีบพบแพทย์ทันที
อาหารการกิน – เน้นกินผัก ผลไม้ และอาหารที่มีกากใยสูง เช่น กินขนมปังโฮลวีทแทนขนมปังขาว ถั่วเปลือกแข็งและธัญพืชต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้ขับถ่ายอุจจาระคล่องขึ้น ป้องกันอาหารท้องผูก ลดการกินอาหารประเภทสัตว์เนื้อแดง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู วัว แพะ แกะ และเนื้อแปรรูป สัตว์เนื้อแดงไม่ควรทานเกิน 700-750 กรัม/สัปดาห์ โดยหันมาเน้นทานปลาแทน ซึ่งนอกจากจะปลอดภัยจากมะเร็งลำไส้ใหญ่แล้ว ยังปลอดภัยจากคอเลสเตอรอลอีกด้วย
การออกกำลังกาย – เป็นสิ่งที่ควรต้องทำเป็นประจำ เพราะมีหลักฐานอ้างอิงว่า การออกกำลังกายจะช่วยลดโอกาสของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ โดยควรออกกำลังกายแบบแอโรบิคอย่างเหมาะสม ครั้งละประมาณ 45 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง แต่ถ้าหากคุณรู้สึกต้องลำบากกับการออกจากบ้านเพื่อไปฟิตเนสแล้วล่ะก็ การทำสวน การจูงสุนัขไปเดินเล่น หรือการวิ่งรอบหมู่บ้านก็เป็นกิจวัตรที่ดีสามารถทำได้เช่นกัน
การตรวจคัดกรอง – หากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่จะมาโดยกรรมพันธุ์นั้นก็คงเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แต่การดูแลตัวเอง การตรวจคัดกรองด้วยการส่องกล้อง ซึ่งปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยให้การตรวจนั้นง่ายและแม่นยำมากยิ่งขึ้น จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้มากถึง 90% เลยทีเดียว เพราะการเกิดติ่งเนื้อใช้เวลานาน 10-15 ปีกว่าจะกลายไปเป็นมะเร็ง ถ้าตรวจวันนี้แล้วไม่พบ อีก 5 ปีก็ค่อยมาตรวจใหม่ แต่ในระหว่าง 5 ปีนี้ต้องไม่มีอาการอะไรผิดปกติ และไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่นะคะ ในกรณีที่มีอาการผิดปกติหรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ต้องเข้ามาตรวจเร็วขึ้น เนื่องจากการดำเนินโรคจะเร็วกว่าคนทั่วไป
หมอเคยเจอคนไข้เคสหนึ่งเป็นผู้หญิงอายุ 30 ปลายๆ ไม่มีอาการใดๆ ที่ส่อเค้าไปถึงมะเร็งลำไส้ใหญ่เลย ช่วงหลังคลอดได้ 3 เดือน คนไข้มาพบแพทย์เพราะรู้สึกอึดอัด ท้องผูก และถ่ายลำบากมาก หลังตรวจอุจจาระผลปรากฎว่ามีเลือดปน จึงได้ทำการส่องกล้องตรวจลำไส้ และแล้วก็เจอก้อนมะเร็งที่ค่อนข้างใหญ่ แสดงว่าต้องเป็นมานานพอสมควร เมื่อซักประวัติลงไปลึกๆ คนไข้บอกว่า เคยมีอาการท้องอืดอยู่บ่อยๆ เป็นๆ หายๆ แต่ไม่ชัดเจน พอทานยาก็ดีขึ้นเป็นระยะๆ จึงไม่ได้เอะใจอะไร ประกอบกับคนที่ตั้งครรภ์ก็มักมีอาการท้องอืดได้อยู่แล้ว จึงยิ่งคิดว่าไม่มีอันตราย แต่พอหลังคลอดถ่ายยาก ลำบากมาก จนถึงขั้นถ่ายไม่ได้เลย ถึงได้ตัดสินใจเข้าพบคุณหมอ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แม้อายุยังน้อย ยังไม่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง ไม่มีอาการอะไรที่บ่งบอก ก็ยังสามารถเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ เพราะฉะนั้นจงอย่าวางใจ และควรเริ่มลงมือป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่กันตั้งแต่วันนี้
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่