นอนกรน เกิดจากการที่ขณะหลับมีการสั่นสะเทือนของลิ้นไก่และเพดานอ่อนที่แรงมากกว่าปกติ เนื่องจากตอนนอน กล้ามเนื้อส่วนนี้มีการหย่อนคล้อยลงมา เกิดการปิดกั้นเส้นทางการหายใจ ทำให้หายใจเอาอากาศเข้าสู่หลอดลมและปอดได้ไม่สะดวก ลมที่ถูกปิดกั้นนี้ทำให้ลิ้นไก่และเพดานอ่อนเกิดการสั่นกระพือจนเกิดเป็นเสียงกรนขึ้น
ส่วนใหญ่แล้วคนที่นอนกรนจะมีช่องที่หลังลิ้นไก่แคบ ซึ่งเป็นมาตั้งแต่กำเนิด แต่การนอนกรนที่เกิดขึ้นภายหลัง อาจเกิดจากปัจจัยเสริม ได้แก่ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ขนาดของคอ เนื้อรอบคอที่มีมาก ทำให้มีขนาดคอใหญ่ หรือเป็นจากโรคทางระบบประสาททำให้กล้ามเนื้อที่คอมีความอ่อนแอ
การนอนกรนนั้นอาจเป็นอันตรายมากกว่าที่คิดได้ คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการนอนกรนนั้นดูเป็นเรื่องเล็กน้อย บางคนอาจคิดว่าการนอนกรนเป็นการบอกว่าเรานอนหลับได้สนิท ซึ่งทางการแพทย์ได้พิสูจน์แล้วว่า จริงๆ แล้ว การนอนกรนนั้น เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายผิดปกติ และมีการรบกวนการนอนหลับ
การนอนกรนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย และการนอนกรนที่รุนแรงและต่อเนื่องนั้น ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคสำคัญ ๆ ต่าง ๆ หลายโรคได้ อาทิเช่น
ถึงแม้การนอนกรนอาจไม่ทำอันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็อาจสร้างปัญหาอย่างอื่นได้ เช่น มีปัญหากับชีวิตคู่ ปัญหาทางสังคม ทำให้เกิดความรู้สึกอาย หรือ เสียบุคลิกภาพ เป็นต้น
การนอนกรนแบบธรรมดา คือการนอนกรนเสียงดังอย่างเดียว ถือเป็นภาวะที่ก่อความรำคาญต่อคู่สมรส หรือคนอื่น ๆ ที่นอนร่วมห้อง หรือข้างเคียง ซึ่งมีผลต่อการดำเนินชีวิตคู่ สร้างความอับอาย ทำให้ไม่กล้านอนร่วมห้องกับผู้อื่น
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เกิดจากการที่มีทางเดินหายใจแคบมากในเวลาหลับ โดยที่เมื่อยังหลับไม่สนิทจะยังเป็นการกรนที่สม่ำเสมอ แต่เมื่อหลับสนิทจะเกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ และจะมีช่วงหยุดกรนไปชั่วระยะหนึ่ง เป็นช่วงที่เกิดการหยุดหายใจ (Obstructive sleep apnea) ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับการกลั้นหายใจ
ช่วงที่หยุดหายใจนี้เอง ที่ทำให้เกิดอันตรายเนื่องจากระดับออกซิเจนในเลือดแดงจะลดต่ำลงอย่างมาก ทำให้เกิดความผิดปกติในการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ เช่น หัวใจ ปอด และสมอง ซึ่งร่างกายจะมีกลไกตอบสนองต่อภาวะนี้ โดยสมองของเราจะถูกปลุกหรือกระตุ้นให้ตื่นขึ้น ทำให้การหลับของเรานั้นถูกรบกวน ต้องตื่นขึ้นเพื่อหายใจใหม่ สามารถสังเกตได้ว่าจะมีอาการสะดุ้งตื่น หรือมีอาการคล้าย ๆ กำลังสำลักน้ำลายตนเอง หรือบางคนอาจมีอาการหายใจอย่างแรงเหมือนขาดอากาศ
อาการตอบสนองเหล่านี้เป็นไปเพื่อทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นไม่นาน สมองจะเริ่มหลับอีก และก็จะเกิดภาวะขาดอากาศอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วนเวียนอย่างนี้เป็นจำนวนหลายครั้งในแต่ละคืน หลายคนคงอยากรู้ว่า เหมือนเราตื่นบ่อย แต่ทำไมเราจำไม่ได้ว่ามีอาการตื่น เนื่องจากการตื่นเพื่อให้มีอากาศเข้าไปในปอด เป็นเพียงไม่กี่วินาที ทำให้เราจำไม่ได้ ยิ่งหยุดหายใจมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งส่งผลให้กลางวันง่วงมากหรือเพลียมากเท่านั้
ในบางครั้งผู้ที่นอนกรน ไม่สามารถรู้ว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วยหรือไม่ อาจให้คนใกล้ชิดช่วยสังเกตอาการให้ เช่น
แนะนำโปรแกรมตรวจหาภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ คลิกที่นี่
ควรพบแพทย์เมื่อมีอาการนอนกรนและส่งผลต่อชีวิตประจำวัน เช่น มีอาการไม่สดชื่นหลังตื่นนอนแม้ได้นอนอย่างเพียงพอ หลับไม่เต็มอิ่ม ความดันโลหิตสูง หรือกระทบกับความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ ส่งผลต่อความมั่นใจในการเข้าสังคม หรือมีอาการหยุดหายใจขณะหลับ สะดุ้งตื่นบ่อยครั้ง มีอาการคล้ายสำลักน้ำ เป็นต้น
การรักษาการนอนกรน มีทั้งแบบใช้การผ่าตัดและไม่ใช้การผ่าตัด
วิธีที่ไม่ใช้การผ่าตัด
การใช้การผ่าตัด มีหลายวิธีขึ้นกับลักษณะทางกายวิภาคที่เป็นสาเหตุของการนอนกรน เช่น
แพทย์อาจแนะนำวิธีการผ่าตัดเมื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การใช้ยา หรือใช้เครื่องมือต่าง ๆ แล้วไม่ได้ผล และการนอนกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างมาก
การผ่าตัดอาการนอนกรนขึ้นกับลักษณะทางกายวิภาคที่เป็นสาเหตุของการนอนกรน โดยการผ่าตัดโดยใช้เลเซอร์หรือการจี้ที่บริเวณเพดานอ่อน ลิ้นไก่ ผนังคอหอย จะใช้เวลานอนโรงพยาบาล 1 คืน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน อาการนอนกรนจะดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์หลังผ่าตัด และแผลจะหายเป็นปกติประมาณ 4 สัปดาห์หลังการผ่าตัด แต่หากเป็นการผ่าตัดโดยใช้มีดและการเย็บซ่อมแซมอาจใช้เวลาในการนอนโรงพยาบาล 2-3 วันและใช้เวลาในการหายของแผลนานกว่า
การรักษานอนกรนด้วยการผ่าตัด เรียบเรียงโดย พญ. ศศิกานต์ ภูมิคอนสาร
แนะนำโปรแกรมตรวจหาภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ คลิกที่นี่
*โปรดระบุ
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่