การตรวจยีนก่อนตั้งครรภ์ไม่ได้เป็นแค่เพียงการเตรียมความพร้อมสำหรับคุณพ่อคุณแม่เท่านั้น แต่รวมถึงความแข็งแรงสมบูรณ์ของลูกน้อยที่จะเกิดมาด้วย โดยผู้ที่ต้องการตรวจยีนก่อนการตั้งครรภ์ สามารถขอคำปรึกษาได้จากสูตินรีแพทย์ ซึ่งมีวิธีการตรวจ ดังนี้
- รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของครอบครัว
- พูดคุยกับแพทย์ทางพันธุกรรมเกี่ยวกับประวัติการรักษาส่วนตัวและครอบครัว เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยง สอบถามและหารือเกี่ยวกับข้อกังวลต่าง ๆ ของการทดสอบทางพันธุกรรม
- ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง กรณีผลการทดสอบพบความผิดปกติทางพันธุกรรม
- ในวันตรวจ แพทย์จะทำการตรวจจากเลือดของฝ่ายแม่ โดยไม่จำเป็นต้องงดน้ำ งดอาหาร
- หลังจากส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว รอประมาณ 3 สัปดาห์ จึงทราบผล
ฝากครรภ์ทันทีเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์
เมื่อคุณแม่ทราบว่าตั้งครรภ์ ควรรีบไปฝากครรภ์ทันที โดยการตรวจครรภ์ครั้งแรกไม่ควรเกินอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ และตรวจทุก ๆ 1-2 เดือน จนกว่าจะคลอดหรือตามแพทย์พิจารณา
วางแผนการดูแลครรภ์แบบเฉพาะบุคคล
เนื่องจากการรักษาทางการแพทย์แต่เดิมออกแบบมาสำหรับผู้ป่วยทั่วไป ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน ด้วยความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์อันทันสมัย พัฒนาการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) หรือการรักษาแบบเฉพาะบุคคลขึ้น เป็นแนวทางการดูแลสุขภาพ ป้องกัน และรักษาโรค โดยคำนึงถึงความแตกต่างในยีน สภาพแวดล้อม และวิถีชีวิตของแต่ละคน
เช่นเดียวกับการวางแผนครอบครัวและการฝากครรภ์แบบเฉพาะบุคคล (Precision Obstetrics) ที่มุ่งเน้นดูแลครรภ์ตั้งแต่เริ่มวางแผนการตั้งครรภ์ การป้องกันภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ จนถึงการคลอดบุตรที่แข็งแรงสมบูรณ์
การฝากครรภ์แบบเฉพาะบุคคล สามารถลดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะคลอดก่อนกำหนด เหลือเพียง 5% และเพียง 0.2% ในอัตราการคลอดก่อนกำหนดในอายุครรภ์น้อยกว่า 34 สัปดาห์ ซึ่งถือว่าต่ำมาก รวมถึงลดภาวะความดันสูง ครรภ์เป็นพิษรุนแรง และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ลงได้เช่นกัน ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ด้วยการเข้าฝากครรภ์ในโรงพยาบาล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจโดยละเอียด (อ่านข้อมูลเพิ่มเติม คลิก)
การฝากครรภ์แบบเฉพาะบุคคลเหมาะกับใคร
- คุณแม่ตั้งครรภ์อายุมากกว่า 35 ปี
- คุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นกังวลภาวะดาวน์ซินโดรม ซึ่งพบสูงถึง 1 ใน 250 ในคุณแม่ตั้งครรภ์ที่อายุมาก สามารถทำการเจาะเลือดตรวจ DNA ของทารกในครรภ์ ซึ่งใช้เวลา 5-7 วัน ได้ผลแม่นยำ สูงถึง 99.7%
เตรียมตั้งครรภ์ ดูแลเรื่องโภชนาการอาหารให้ลูกแข็งแรง
การดูแลตนเองและลูกน้อยในครรภ์ให้แข็งแรงสมบูรณ์จนกว่าจะครบกำหนดคลอด นอกจากการตรวจสุขภาพ วางแผนครอบครัว และการฝากครรภ์ตามระยะเวลาแล้ว การรับประทานอาหารที่ดี ก็เป็นอีกปัจจัย โดยอาหารสำคัญที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรเน้นเป็นพิเศษ ได้แก่
- โปรตีน สารอาหารสำคัญ ช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางสมองของทารกในครรภ์ อาหารอุดมด้วยโปรตีน เช่น นม ไข่ เนื้อปลา เนื้อไก่ เนื้อหมู อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรรับประทานเนื้อแดงที่มีไขมันสูงน้อยลง
- ไอโอดีน ช่วยในการพัฒนาการทางสมองของทารก ซึ่งทารกในครรภ์มารดาที่มีภาวะขาดไอโอดีนอาจแท้งได้ กรณีที่คลอดได้อาจมีผลต่อการเจริญเติบโตและมีภาวะการพัฒนาด้านระบบประสาทบกพร่อง (Neurologic cretinism) อาหารอุดมด้วยไอโอดีน เช่น อาหารทะเล หรือเกลือเสริมไอโอดีน
- ธาตุเหล็ก หากคุณแม่ขาดธาตุเหล็กอาจทำให้เป็นโรคโลหิตจาง ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาด้านสมองของทารก อาหารที่มีธาตุเหล็ก เช่น ผักใบเขียว งาดำ งาขาว ตับ
- แคลเซียม นอกจากบำรุงกระดูก ยังมีส่วนช่วยให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโต อาหารอุดมด้วยแคลเซียม เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อย
- โฟเลต สารอาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องการอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงแรกของการตั้งครรภ์ เพื่อช่วยสร้างเซลล์สมองให้กับทารก อาหารที่มีโฟเลต เช่น ตับ ผักใบเขียว
เพื่อต้อนรับปีมังกรอันเป็นมงคลสำหรับลูกที่จะเกิดมา คุณแม่ตั้งครรภ์ควรพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงคุณพ่อที่ต้องเป็นกำลังหนุน ควรวางแผนครอบครัวและการมีบุตรไปพร้อมๆ กัน ด้วยการตรวจสุขภาพ ทั้งแบบพื้นฐานและการตรวจยีน อีกทั้งการฝากท้องแต่เนิ่นๆ ด้วยตัวเลือกแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งเหมาะกับแต่ละบุคคล เพื่อลูกที่แข็งแรง สมบูรณ์