
ภาวะครรภ์เสี่ยงสูง คือ ภาวะใดๆ ก็ตามที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิต ทั้งของมารดาและทารกในครรภ์ อาจทำให้เกิดอันตรายหรือเสียชีวิต สามารถเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ ขณะคลอด รวมถึงหลังคลอด จำเป็นต้องได้รับการดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ และสม่ำเสมอเป็นพิเศษจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
คุณแม่ตั้งครรภ์ควรพบแพทย์ทันที หากพบอาการใดๆ ต่อไปนี้ในระหว่างตั้งครรภ์ ไม่ว่าการตั้งครรภ์จะถือว่ามีความเสี่ยงสูงหรือไม่ก็ตาม
หากคุณแม่ที่วางแผนตั้งครรภ์พบปัจจัยเสี่ยง ควรเข้ารับคำปรึกษาและได้รับการดูแลในโรงพยาบาลที่มีความพร้อม ทั้งอุปกรณ์และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูง เพื่อให้การดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ถูกต้อง และปลอดภัย
ภาวะครรภ์เสี่ยงสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ได้แก่
การตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ สำหรับมารดาหรือทารกในครรภ์ ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ได้แก่
การดูแลรักษาภายใต้ 3P CONCEPT เพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนด สามารถช่วยลดอัตราการคลอดก่อนกำหนดได้ถึง 45% (เมื่อเทียบกับมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก)
เริ่มต้นด้วยการซักประวัติอย่างละเอียด กรณีเคยมีประวัติคลอดก่อนกำหนดมาก่อนถือว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงทันที จากนั้นจึงเข้ารับการตรวจคัดกรองด้วยอัลตร้าซาวด์ทางช่องคลอด เพื่อวัดความยาวของปากมดลูก โดยสามารถทำได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 12-13 สัปดาห์ ทั้งนี้ในระยะตั้งครรภ์ดังกล่าวยังทำให้เห็นตะกอนหรือการอักเสบในโพรงมดลูกชัดเจน หากความยาวของปากมดลูกมีขนาดสั้นกว่าหรือเท่ากับ 25 มิลลิเมตร ถือเป็นสัญญาณเตือนความเสี่ยงที่อาจคลอดก่อนกำหนด แพทย์สามารถให้ยาป้องกันและลดการอักเสบ นอกจากนี้ยังมีการตรวจเพื่อหาสาร Fetal Fibronectin ซึ่งพบอยู่ระหว่างถุงน้ำคร่ำกับเยื่อบุโพรงมดลูก เมื่อเกิดการหดรัดตัวของมดลูกจะทำให้ออกมาอยู่ในช่องคลอด หากตรวจพบเป็นผลบวกแสดงว่าคุณแม่มีแนวโน้มที่จะคลอดก่อนกำหนด
เมื่อพบมารดาที่มีปัจจัยเสี่ยง จะมีการให้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (natural progesterone) เพื่อป้องกันไม่ให้มดลูกหดรัดตัว กรณีที่ไม่ได้ผล แพทย์อาจพิจารณาใช้ห่วงพยุงปากมดลูก (Cervical pessary) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับปากมดลูก ซึ่งนิยมใช้มากกว่าการเย็บปากมดลูก เนื่องจากมีความสะดวก และสามารถกลับบ้านได้ทันที
กรณีสุดท้ายที่ Prediction และ Prevention ไม่ได้ผล เป็นการรักษาการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด โดยใช้ยาระงับการหดรัดตัวของมดลูกเพื่อชะลอการคลอดไว้ให้ได้อย่างน้อย 48 ชั่วโมง รวมถึงให้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ เพื่อกระตุ้นการทำงานของปอดและป้องกันเลือดออกในสมองของทารก จากนั้นจึงปล่อยให้ทารกคลอด และเข้าสู่การให้การดูแลทารกคลอดก่อนกำหนดอย่างมีประสิทธิภาพในห้อง NICU ซึ่งมีมาตรฐานสูง พร้อมเครื่องมือทันสมัย และกุมารแพทย์ผู้ชำนาญทางด้านทารกแรกเกิด รวมถึงมีการเฝ้าติดตามอาการของทารกอย่างต่อเนื่อง ทั้งการตรวจสุขภาพ และการประเมินการเจริญเติบโต
ปัจจุบันการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) หรือการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เป็นแนวทางใหม่ในการปรับการป้องกันและรักษาโรคโดยคำนึงถึงความแตกต่างในยีน สภาพแวดล้อม และวิถีชีวิตของผู้คน เป้าหมายของการแพทย์ที่แม่นยำคือการกำหนดเป้าหมายการรักษาที่ถูกต้องให้กับผู้ป่วยที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสม
เช่นเดียวกับการวางแผนครอบครัวและการฝากครรภ์แบบเฉพาะบุคคล (Precision Obstetrics) มุ่งเน้นดูแลครรภ์เฉพาะบุคคลตั้งแต่เริ่มวางแผนการตั้งครรภ์ การป้องกันภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ จนถึงการคลอดบุตรที่แข็งแรงสมบูรณ์
การฝากครรภ์แบบเฉพาะบุคคล สามารถลดภาวะแทรกซ้อนลงได้มาก เช่น ภาวะคลอดก่อนกำหนด ลดลงเหลือแค่ 5% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำมาก อัตราการคลอดก่อนกำหนดในอายุครรภ์น้อยกว่า 34 สัปดาห์ มีเพียง 0.2% ซึ่งถือว่าต่ำมากเช่นเดียวกัน สำหรับภาวะความดันสูง ครรภ์เป็นพิษรุนแรง และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ก็ลดต่ำลงอย่างชัดเจนเช่นกัน
การฝากครรภ์แบบเฉพาะบุคคล สามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ด้วยการเข้าฝากครรภ์ในโรงพยาบาล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจโดยละเอียด ดังนี้
การตั้งครรภ์ทุกครั้งมีความเสี่ยง แต่คำจำกัดความของการตั้งครรภ์ที่มี "ความเสี่ยงสูง" คือ การตั้งครรภ์ใดๆ ที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพเพิ่มขึ้นสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ หรือทารกในครรภ์ ซึ่งหากพบการตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงคุณแม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เพื่อต้อนรับลูกน้อยที่แข็งแรงสมบูรณ์ ต้อนรับปีมังกรทอง
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่