เป็นวัยที่เหมาะสม การฝึกซ้อมของพวกเขาสามารถเพ่งความสนใจได้มากขึ้น ให้เขาเริ่มแข่งขันในระยะสั้น (สูงสุดถึง 5 กิโลเมตร) และเป็นวัยที่ความสามารถพิเศษด้านการวิ่งจะเห็นได้ชัดเจนขึ้น แต่ควรคำนึงเรื่องแขนขาของวัยรุ่น ที่เจริญเติบโตเร็วมากจะทำให้พวกเขาดูซุ่มซ่าม ซึ่งขณะเดียวกันนี้สมองกำลังพยายามปรับตัวตามจึงทำให้การรับรู้ช่องว่างยังไม่ดีนัก จึงควรมีการฝึกฝนทักษะโดยสอนท่าทางที่ดี (good form) แก่นักวิ่งหนุ่มสาวในวัยนี้ ทั้ง 2 เพศนี้กระดูกยังคงมีพัฒนาการและยังคงมีความเสี่ยงของการแตกร้าวจากความเครียด (stress fractures) สามารถลดความเสี่ยงลงได้ด้วยการฝึกซ้อมบนพื้นผิวที่นุ่ม เช่น สนามหญ้าหรือลู่วิ่งสนามกีฬา
เด็กๆ ที่ออกกำลังกาย ควรใส่ใจกับการกินอาหารและระดับพลังงาน ซึ่งจะบอกให้รู้ว่าเขากำลังกินอย่างเพียงพอหรือไม่ เด็กต้องได้รับโปรตีนมากพอจากอาหาร (จากการวิจัยแนะนำว่า คือปริมาณที่เหมาะสม คือ 1.1 – 1.2 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/ต่อวัน ) เพื่อการเจริญเติบโตและซ่อมแซม รวมทั้งแคลเซียมสำหรับการเสริมสร้างกระดูก และวิตามินต่างๆ สำหรับช่วยในการเผาผลาญอาหาร ที่มากพอ
ส่วนวัยที่ถือว่าโตเต็มที่ (16-18 ปี) สามารถฝึกซ้อมในระยะทางมากๆ ได้ แต่ต้องเป็นระยะไม่ควรเกิน 10 กิโลเมตร เนื่องจากความทนทาน (endurance) ยังไม่พัฒนามากกว่านี้ ควรเน้นให้แข่งประเภทความเร็วมากกว่า
ดังนั้นระยะที่เรียกว่า Half หรือ Full Marathon จะเริ่มฝึกฝนได้ในช่วงอายุ 20 ปีเป็นต้นไป
อ้างอิงจากหนังสือ – (The Illustrated Practical Encyclopedia of Running, by Elizabeth Hufton, Hermes House(Anness Publishing) 2009.