คงจะไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าเด็กวัยรุ่นจะดูหนังโป๊ หรือชอบดูฉากหนังที่คนมีอะไรกัน ถือเป็นเรื่องธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กทุกคน เพราะเมื่อเกิดพัฒนาการทั้งทางร่างกาย สมอง และต่อมที่ผลิตฮอร์โมนเพศ จะทำให้เด็กเกิดพฤติกรรมและความสนใจเกี่ยวกับเรื่องเพศมากขึ้น
การที่เด็กกลุ่ม Preteen และวัยรุ่นแอบดูสื่อลามก ส่วนใหญ่เป็นเพราะความสนุกอยากรู้อยากเห็น ถ้าไม่ได้ไปทำหรือแสดงออกกับใครก็ไม่ได้ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง สิ่งที่สำคัญ คือ พ่อแม่ต้องเข้าใจ เปิดโอกาสให้พูดคุยซักถามในเรื่องที่สงสัย สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ กิจกรรมที่ได้เห็นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตที่ทำให้เราเกิดมา เป็นกระบวนการปกติของการสืบทอดเผ่าพันธุ์ แต่มนุษย์ต่างจากสัตว์อื่นตรงที่มีความยับยั้งชั่งใจ ความรับผิดชอบ รู้จักกาลเทศะ และการให้เกียรติกันในสังคม ควรแนะนำว่าการทำพฤติกรรมเหล่านี้อย่างเปิดเผยหรือการอัดวิดีโอ รวมถึงการที่ทำให้คนอื่นได้เห็น ไม่ใช่สิ่งที่ดี มันมีผลร้ายและโทษในหลายๆ ด้าน ทั้งผู้ที่กระทำหรือผู้ที่ดู พ่อแม่ต้องอธิบายให้ลูกมีทัศนคติที่ถูกที่ควรกับเรื่องเพศ เพศสัมพันธ์ หรือสื่อลามก
ซึ่งแนวทางที่คิดว่าดีที่สุด คือการที่พ่อแม่นำตัวเองเข้าไปอยู่และพูดคุยกับลูก ให้ลูกรู้สึกว่าเราเป็นเสมือนเพื่อนอีกคนหนึ่งที่เขาจะสามารถเชื่อ รับฟัง และขอคำปรึกษาได้ในทุกเรื่อง ซึ่งตรงนี้แนะนำว่าให้ทำให้เค้ารู้สึกตั้งแต่เด็กจะยิ่งดี พยายามหาเวลาอยู่พูดคุย แลกเปลี่ยนความเห็นกับลูก ให้ลูกได้แสดงออกหรือไม่กลัวที่จะคุยกับเราได้ทุกเรื่องตั้งแต่ยังเล็กๆ
ตามที่กล่าวตั้งแต่ต้น เมื่อโตแล้วยังไงแล้วลูกก็ต้องเจอ เราต้องต่อยอดจากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วโดยพูดสอนเพิ่มเติม แลกเปลี่ยนความคิดว่าเค้ารู้สึกหรือได้อะไรจากสิ่งนี้ ดีหรือไม่ดีสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมของสังคมหรือไม่ และสอนให้เค้ารู้จัก ป้องกันหรือหาทางแก้ไข โดยพ่อแม่อาจลองย้อนกลับไปนึกถึงตอนตัวเองยังเป็นเด็กว่าเราผ่านความคิด ผ่านสื่อเหล่านี้มาอย่างไร และเราปรับหรือประพฤติตัวมาอย่างไร ทำไม่เราถึงดูแลตัวเองมาได้จนถึงวันนี้ เพื่อให้ลูกได้มองเห็นทางออกหรือแนวทางการประพฤติตัวที่ถูกต้อง
ที่สำคัญ พ่อแม่ผู้ปกครองควรต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกมาตั้งแต่เด็กๆ โดยเฉพาะในยุคที่หลายๆ สิ่งเปลี่ยนแปลงไปมากอย่างสมัยนี้ พ่อแม่ต้องจัดสรรเวลาให้มี time in หรือเวลาร่วมกันให้มาก พยายามเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในชีวิต และสามารถคุยแนะนำลูกได้ทุกเรื่อง โดยอาจปรับตัวด้วยการเข้าถึงลูกโดยใช้สื่อหรือเทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เช่น วิดีโอคอลคุยกับลูกหากไม่มีเวลา เพราะลูกยังคงได้เห็นสีหน้าท่าทางความรู้สึกของเรา ลูกก็จะยังคงเชื่อใจ มั่นใจและเชื่อฟังเราในที่สุด พยายามทำ work life balance หาอะไรทำด้วยกัน เช่น เปิดดูข้อมูล หนัง สื่อต่างๆ ไปด้วยกัน แนะนำช่องทางหรือสื่อที่นอกจากให้ความสนุกเพลิดเพลินแล้วก็ยังมีประโยชน์
แต่หากพ่อแม่ที่ไม่สนิทกับลูก พูดคุยยากอยู่แล้ว อาจจะไม่ง่ายนัก ตรงนี้อาจต้องฟังให้มาก ฟังแบบไม่ตัดสินว่าถูกหรือผิด ลองนั่งจับเข่าคุยกัน วัยรุ่นถือเป็นวัยที่มีวุฒิภาวะ พอที่จะรู้ว่าอะไรถูกอะไรควร อะไรไม่ควรทำ แต่หากยากเกินเยียวยาจริงๆ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นอาจมีวิธีดูแลหรือช่วยรักษา ปรับแนวคิดทัศนคติของเด็กกลุ่มนี้ได้ อย่างไรก็ดี ขอให้ทุกครอบครัวได้ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด คอยเป็นเพื่อนคู่คิดให้กับเด็กๆ เพราะการนำแนวทางปฏิบัตของเราในวัยเด็กที่ทำให้เรามีวันนี้ ก็ยังเป็นแนวทางที่ดีที่จะสอนให้ลูกรู้จักใช้ชิวิต ดำเนินชีวิตให้อยู่ในกรอบได้
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่