ที่ต่างเอามาปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน บางเรื่องอาจจะถูก บางเรื่องอาจจะยังไม่ถูกต้องนัก
ปัญหาที่แม่ๆ ทั้งมือใหม่มือโปร มักพบบ่อยในช่วงให้นม คือ หัวนมแตก ท่อน้ำนมตัน เต้านมคัดและอักเสบ ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บระบม แสบร้อน ที่หัวนม ปวดบริเวณเต้านม และมีเลือดไหลออกมา ปัญหาเหล่านี้อาจทำให้คุณแม่เกิดความท้อใจจนไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้นานตามที่ตั้งใจไว้
ปัญหาหัวนมแตก ปัญหานี้จะทำให้แม่มีอาการเจ็บที่บริเวณหัวนมอาจมีเลือดไหลออกมา หากมีอาการเจ็บมากอาจทำให้ไม่สามารถเอาลูกเข้าเต้าได้นาน
สาเหตุของหัวนมแตกส่วนใหญ่เกิดจากการเอาลูกเข้าเต้าไม่ถูกวิธี ทำให้เวลาดูดนม ลูกจะอมได้ไม่ถึงลานนม เมื่อลูกดูดแล้วไม่ได้น้ำนมจึงเคี้ยวหัวนมแม่ ส่งผลให้หัวนมแตก จนเกิดบาดแผลและมีเลือดออก การป้องกันหัวนมแตก
|
การที่น้ำนมไหลไม่สะดวกเนื่องจากท่อส่งน้ำนมบางส่วนอุดตัน ทำให้มีน้ำนมค้างอยู่ในเต้านม ไม่สามารถให้นมได้ เต้านมจะมีความผิดปกติต่างๆ เช่น แข็งเป็นก้อน กดแล้วเจ็บ หรืออาจบวมแดง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาจไม่ได้เป็นทั่วทั้งเต้านม และบางกรณีหัวนมและลานหัวนมอาจมีลักษณะผิดรูปไป หรือมีเส้นเลือดบริเวณเต้านมปูดขึ้น บางครั้งมีจุดสีขาวที่หัวนมที่เรียกว่า (White dot)
สาเหตุของท่อน้ำนมอุดตันมาจากหลายปัจจัย ดังนี้
การป้องกันท่อน้ำนมอุดตัน
|
จะเริ่มจากการคัดตึงเต้านม คลำพบก้อนแข็งและตึง เมื่อกดจะรู้สึกเจ็บและปวดกระจายไปทั่วเต้านม ซึ่งนำไปสู่ภาวะเต้านมบวมแดง โดยคุณแม่จะอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ และอาจมีไข้สูงเกินกว่า 38 องศาเซลเซียส
สาเหตุ เพราะคุณแม่ปล่อยให้มีน้ำนมเก่าค้างในเต้านม หรือมีปัญหาท่อน้ำนมอุดตันจากสาเหตุอื่นๆ จนมีเชื้อโรคเข้าสู่เต้านมก่อให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อผ่านทางแผลบริเวณรอยแตกที่หัวนม การป้องกัน
|
ธรรมชาติคุณแม่เพิ่งคลอดที่มีสุขภาพแข็งแรง จะสามารถผลิตน้ำนมได้พอเพียงต่อทารกแรกเกิด ให้ร่างกายได้เจริญเติบโตตามวัย รวมถึงมีสารอาหารจำเป็นที่ดีต่อพัฒนาการของลูกน้อยพร้อมอยู่แล้ว แต่สำหรับคุณแม่บางท่านที่มีน้ำนมออกมาน้อย จริงๆ อาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย
วิธีเพิ่มน้ำนมสำหรับคุณแม่มือใหม่ สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่อยากมีน้ำนมมากขึ้น ควรปฏิบัติดังนี้
สำหรับคุณแม่ที่ยังกังวลว่ามีนมให้ลูกกินอิ่มหรือไม่ สามารถสังเกตได้โดยดูว่าลูกน้อยนอนหลับง่าย ไม่ร้องกวนบ่อย ยิ้มเล่นตามวัย และมีน้ำหนักขึ้นตามเกณฑ์ เมื่อลูกน้อยมีความสุขคุณแม่ก็ไม่เครียด ร่างกายสามารถสร้างน้ำนมให้แก่ลูกได้อย่างสม่ำเสมอจนกว่าลูกจะเติบโตและกินอาหารอื่นๆ ได้ต่อไป แต่อย่างไรก็ดี คุณแม่เองต้องพยายามสังเกตและแยกให้ออกด้วยว่า บางครั้งลูกอาจดูดนมจนอิ่มและหลับระหว่างดูดนม เมื่อตื่นมาก็ร้องไห้โยเย แต่คุณแม่กลับคิดว่าลูกดูดนมไม่อิ่ม จึงกลายเป็นความวิตกกังวล และทำให้น้ำนมไม่มา |
มีงานวิจัยมากมายสนับสนุนว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทารกที่สุด ทั้งลดความเสี่ยงการติดเชื้อในหูและปอดของทารก ลดภาวะหอบหืด ผื่นผิวหนัง โรคเบาหวาน รวมถึงสามารถลดความเสี่ยงทารกเสียชีวิตเฉียบพลัน ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือธาลัสซีเมีย มีคำแนะนำจากสถาบันกุมารเวชศาสตร์อเมริกัน* ว่าลูกน้อยควรบริโภคแต่นมแม่เพียงอย่างเดียวจนกว่าจะมีอายุ 6 เดือน หลังจากนั้นสามารถเสริมอาหารอ่อนของทารกควบคู่ไปกับการให้นมแม่ต่อไปจนทารกอายุ 1 ขวบ หรือแล้วแต่ความพร้อมและความสะดวกของคุณแม่และลูกน้อย
ลูกต้องกินนมแม่ปริมาณเท่าไหร่ ถึงจะพอดี มีหลายสาเหตุที่อาจทำให้ลูกน้อยไม่ยอมดูดนมในช่วงเริ่มต้น เนื่องจากทารกเพิ่งคลอดกำลังเรียนรู้ที่จะดูดนมจากเต้าของคุณแม่ คุณแม่จำเป็นต้องไม่ยอมแพ้ที่จะพยายามให้นมลูกทันทีหลังคลอดหรือภายในไม่เกิน 30 นาที ซึ่งถือเป็นช่วงนาทีทองในการสร้างน้ำนม นอกจากนี้ในช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอด คุณแม่ควรให้ลูกดูดทุกๆ 2-3 ชั่วโมง หรือตามความต้องการของลูก จะช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนม ให้คุณแม่สามารถผลิตน้ำนมได้อย่างสม่ำเสมอ และช่วยป้องกันเต้านมคุณแม่คัดได้อีกด้วย และเมื่อกลับบ้านคุณแม่ควรเรียนรู้ที่จะนำลูกเข้าเต้าให้ถูกวิธี โดยกอดลูกให้ชิดตัว จากนั้นต้องให้ลูกน้อยเปิดปากกว้าง และอมหัวนมให้ลึกกระชับจนเหงือกกดบนลานหัวนม เมื่อลูกเริ่มดูด น้ำนมคุณแม่ก็ไหลพุ่งออกมาได้ดี โดยควรให้ลูกดูดนมจนเกลี้ยงเต้าแล้วจึงเปลี่ยนให้ดูดอีกข้างจนหมดเต้าเช่นกันดูดนานและบ่อยแค่ไหน จึงเพียงพอ ลูกน้อยควรได้ดูดนมคุณแม่บ่อยและนานเท่าที่ลูกต้องการ โดยคุณแม่สามารถสังเกตว่าลูกหิวนมแล้วด้วยการที่ลูกน้อยส่ายหน้าไปมาคล้ายมองหาเต้านม ทำปากเหมือนกำลังดูดนม เอามือถูปาก ซึ่งไม่ควรรอจนลูกหิวจัดแล้วร้องไห้จ้าออกมา เพราะจะทำให้การดูดของทารกเป็นไปได้ยากขึ้น ทั้งนี้คุณแม่ควรให้ลูกดูดนมนานเท่าที่ลูกต้องการ จนกว่าลูกจะมีท่าทางว่าอิ่มแล้ว โดยการดูดเบาลง หรือคายหัวนมออก ซึ่งคุณแม่ควรอุ้มลูกพาดบ่าให้เรอแล้วจึงนำลูกดูดนมอีกข้าง หากลูกไม่ยอมดูด คุณแม่อาจใช้วิธีปั๊มนมอีกข้างออก ทารกแรกเกิดใน 6 สัปดาห์แรกอาจต้องการดูดนมมากถึงวันละ 8-12 ครั้ง หรือทุกๆ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นจะลดจำนวนครั้งและระยะเวลาลง โดยทั่วไปแล้วใช้เวลากินนมจากเต้าข้างละ 10-20 นาที ดูดทุก 3-4 ชั่วโมงสัญญาณบ่งบอกว่าลูกน้อยได้รับน้ำนมเพียงพอ ช่วงเดือนแรกลูกจะกินนมวันละ 8-12 ครั้ง หลังจากนั้นลดความถี่ลงประมาณ 6-10 ครั้งต่อวัน
สัญญาณที่กำลังบอกว่าลูกได้รับนมไม่เพียงพอ
หากคุณแม่มีความวิตกกังวลว่าลูกน้อยจะได้รับน้ำนมไม่เพียงพอ อาจใช้วิธีให้ลูกดูดนมบ่อยขึ้น โดยควรอุ้มลูกไว้แนบตัว ซึ่งหากลูกน้อยยังต้องการดูดนมอีกจะหันหน้าเข้าหาเต้านมคุณแม่เอง แต่ถ้าคุณแม่พบว่าลูกน้อยยังดูหงุดหงิด งอแง เหมือนดูดนมไม่อิ่ม แม้จะให้นมอย่างถูกวิธี บ่อยและนานขึ้นแล้วก็ตาม ควรต้องรีบปรึกษากุมารแพทย์ หาสาเหตุลูกดูดนมไม่อิ่มหรือได้น้ำนมไม่เพียงพอ จะได้แก้ไขและให้นมได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
ท่าให้นมที่ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ มี 4 ท่า คือ ท่าอุ้มนอนขวาง ท่าประยุกต์ลูกนอนขวางบนตัก ท่าอุ้มลูกฟุตบอล ท่านอนตะแคง คุณแม่สามารถเลือกและปรับท่าให้นมใช้ตามความเหมาะสมและทำให้รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในท่าที่สบายที่สุด เพราะจะทำให้ลูกได้รับน้ำนมได้ปริมาณที่เพียงพอ
1. |
อุ้มนอนขวาง ท่านี้เป็นท่าพื้นฐานและเป็นท่าที่นิยมที่สุดของแม่ๆ โดย
|
|
2. |
ท่าประยุกต์ลูกนอนขวางบนตัก เหมาะกับการให้ลูกอมหัวนม ควบคุมการเคลื่อนไหวของศีรษะลูกได้
|
|
3. |
ท่าอุ้มฟุตบอล คุณแม่ผ่าคลอดจะเหมาะกับท่านี้ และเหมาะกับแม่ที่ให้นมลูกแฝด 2 คนพร้อมกัน
|
|
4. |
ท่านอนตะแคง สำหรับคุณแม่มีรอยแผลเย็บที่ยังเจ็บอยู่ ท่านี้ เป็นท่าที่สบายที่สุด
|
เมื่อเกิดปัญหาการให้นมลูก คุณแม่ส่วนใหญ่ที่มีเวลาลาพักเลี้ยงลูกเองที่บ้านมักค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ แทนการปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการแชร์ความเชื่อในโลกออนไลน์เกี่ยวกับการแก้อาการนมคัดด้วยการนวดเต้านมอย่างไม่ถูกวิธี รวมถึงการเสนอแนะให้ใช้อุปกรณ์เจาะท่อน้ำนมขณะนวด เพื่อแก้ปัญหาท่อน้ำนมอุดตันที่เชื่อกันว่าเป็นเหตุทำให้นมคัด ซึ่งแทนที่จะช่วยแก้ปัญหากลับกลายเป็นปัญหาที่หนักและซับซ้อนขึ้น อาจทำให้เกิดการติดเชื้อเข้าสู่เต้านม บางกรณีอาจถึงกับสร้างปัญหาใหม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายต่อเต้านมตามมาในที่สุด
เทคนิคนวดนมเมื่อนมคัด หลักการที่จะทำให้คุณแม่ที่มีปัญหาเต้านมคัด สามารถเพิ่มการสร้างน้ำนมได้มากขึ้น นอกจากการให้ทารกดูดนม และการบีบน้ำนมออกจากเต้าแล้ว การนวดนมถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มการสร้างน้ำนมและลดภาวะนมคัดได้ ทั้งนี้จำเป็นต้องศึกษาการนวดอย่างถูกวิธี เบามือ และรู้สึกผ่อนคลายขณะนวด ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของระบบน้ำเหลืองและน้ำนม ให้ทำหน้าที่อย่างเหมาะสมสอดคล้องกัน เพื่อเปิดทางให้น้ำนมไหลสะดวกหนึ่งในการนวดลดภาวะนมคัดที่ได้ผล คือการนวดแบบ TBML ซึ่งย่อมาจาก Therapeutic Breast Massage in Lactation การนวดดังกล่าวเป็นงานวิจัยของดร.แอนน์ วิตต์ (Dr.Ann Witt) ผู้ก่อตั้ง Breastfeeding Medicine of Northeastern Ohio ร่วมกับมายา โบลแมน (Maya Bolman) พยาบาลผู้ชำนาญศาสตร์การนวดแบบรัสเซียผสมผสานหลักการของระบบต่อมน้ำเหลือง (lymphatic system) ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นการนวดที่ช่วยแก้ปัญหานมคัด และท่อน้ำนมอุดตันอย่างได้ผลจากทั่วโลกการนวดแบบ TBML เป็นเทคนิคการนวดบีบน้ำนมด้วยมืออย่างแผ่วเบาที่เต้านม โดยเน้นการลูบไปทางต่อมน้ำเหลืองที่ฝังบนผิวหนังบริเวณส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ลึก จึงไม่จำเป็นต้องลงน้ำหนักมากเกินไป หลังจากการนวดแล้ว ควรมีการประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการบวมวิธีนวดแก้อาการเต้านมคัดอย่างง่ายด้วยตัวเอง
การนวดนมอย่างอ่อนโยนและเบามือสามารถช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลาย และแก้ปัญหานมคัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งแปลกปลอมเจาะทางรูเปิดของท่อน้ำนมตามที่แชร์กันในโซเชียลมีเดีย นอกจากจะไม่ทำให้นมหายคัด ยังอาจทำให้เต้านมอักเสบ ติดเชื้อ จนกลายเป็นปัญหาตามมา ไม่ควรเชื่อบทความที่ส่งต่อกันโดยไม่มีการศึกษาหรืองานวิจัยที่ได้มาตรฐานรองรับอย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันอันตรายแทรกซ้อนที่อาจเกิดเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ |
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่