1.การใช้แสงเลเซอร์ที่ทำให้เกิดความร้อนต่อจอประสาทตา (Laser Photocoagulation)
จะใช้แสงเลเซอร์เข้าไปยิงเข้าไปในจอประสาทตาของผู้ป่วยเพื่อทำลายเล้นเลือดงอกใหม่ที่ผิดปกติใต้จอตาด้วยความร้อน วิธีนี้ไม่เพียงแต่ทำลายเส้นเลือดที่ผิดปกติ แต่ยังมีผลต่อจอประสาทตาส่วนดีที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับเส้นเลือดที่ผิดปกติ โดยตำแหน่งที่เลเซอร์จะสูญเสียความสามารถในการรับภาพไป วิธีนี้ใช้ได้กับผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของเส้นเลือดที่อยู่ห่างจากจุดรับภาพสำคัญที่ใช้ในการรับภาพตรงกลางของการมองเห็น
2.การฉายแสงเลเซอร์กระตุ้นยาที่ให้ทางเส้นเลือดเพื่อทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดผิดปกติ (Photodynamic Therapy: PDT)
โดยจะให้ยาเข้าทางเส้นเลือดดำ เมื่อยาไปถึงบริเวณเส้นเลือดผิดปกติใต้จอประสาทตาจะเกิดการจับกับเซลล์ผนังเส้นเลือด หลังจากนั้นจะทำการฉายแสงเลเซอร์ในบริเวณที่มีความผิดปกติเพื่อกระตุ้นให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดผิดปกติ โดยที่จะมีผลกระทบกับจอประสาทตาบริเวณข้างเคียงน้อย ซึ่งผู้ป่วยยังคงระดับการมองเห็นได้เหมือนก่อนที่จะได้รับการฉายแสงเลเซอร์
3.การฉีดยาต้านการเจริญเติบโตของเส้นเลือด (Anti-Vascular Endothelial Growth Factor: Anti-VEGF)
การฉีดยาเข้าน้ำวุ้นตา โดยที่ยาจะไปจับกับสารกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นเลือด เมื่อสารกระตุ้นการเจริญเติบโตลดลงก็จะส่งผลต่อเส้นเลือดผิดปกติที่งอกขึ้นใหม่ให้เกิดการฝ่อลงไป ยาจะต้องฉีดทุกเดือน อย่างน้อย 3 ครั้ง และสามารถยืดระยะเวลาในการฉีดได้ตั้งแต่ทุก 1 - 4 เดือนในระยะต่อมาขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรค โดยที่ผู้ป่วยบางรายสามารถหยุดฉีดยาได้เมื่อโรคสงบ การมองเห็นจะกลับมาดีขึ้นตามลำดับ
4.การผ่าตัด
ทำในกรณีที่มีเลือดออกในวุ้นตาและใต้จอประสาทตาบริเวณจุดรับภาพสำคัญ โดยทำการผ่าตัดจอประสาทตา โดยอาจทำร่วมกับการฉีดยาละลายลิ่มเลือดใต้จอตา ฉีดยากลุ่มต้านการเจริญเติบโตของเส้นเลือดเข้าน้ำวุ้นตา หรือการฉีดแก๊สเพื่อรีดเลือดให้ออกจากจุดรับภาพสำคัญ