วัคซีนเสริม เพิ่มภูมิคุ้มกัน หลังเด็กรับวัคซีน COVID-19

วัคซีนเสริม เพิ่มภูมิคุ้มกัน หลังเด็กรับวัคซีน COVID-19

HIGHLIGHTS:

  • ปัจจุบันการฉีดวัคซีน mRNA ในเด็กกลุ่มวัยรุ่น อายุ 12-18 ปี เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพดี เช่นเดียวกับในผู้ใหญ่ โดยวัคซีนสามารถช่วยให้เด็กปลอดภัย เมื่อเป็นโรค COVID-19 แล้วอาการไม่หนัก ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลมีอัตราสูงถึง 90%
  • วัคซีนเสริมที่สำคัญสำหรับเด็กเพื่อช่วยป้องกันโรคและไวรัสอื่นๆ ได้แก่ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก
  • สำหรับเด็กเล็กอายุไม่เกิน 2 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน COVID-19 สามารถให้ฉีดไข้หวัดใหญ่ วัคซีนปอดอักเสบ ได้ เพื่อสร้างเกราะป้องกันให้แข็งแรงไม่ป่วยเป็นโรคหรือติดเชื้อไวรัสอื่นๆ ได้ง่าย

ปัจจุบันเด็กๆ อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป ได้รับวัคซีน mRNA เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 แล้ว ทั้งนี้ วัคซีนได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา FDA (Food and Drug  Administration) ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยการศึกษาวิจัยในเด็กกลุ่มวัยรุ่น อายุ 12-18 ปี วัคซีนที่ฉีดอยู่มีประสิทธิภาพดีเช่นเดียวกับในผู้ใหญ่

การฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ในเด็ก

โดยได้เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 จากเด็กที่อยู่ในกลุ่มโรคอ้วน โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังและหอบหืด โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไตเรื้อรังระยะที่ 5  โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งที่เด็กต้องรับเคมีบำบัด โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เบาหวาน โรคทางพันธุกรรม ดาวน์ซินโดรม ทุพพลภาพทางระบบประสาทอย่างรุนแรง

และต่อมาจึงได้ให้กับกลุ่มเด็กสุขภาพดี โดยจากการเก็บข้อมูลผลข้างเคียงอาจไม่พบเลย หรือพบได้น้อย เช่น อาจมีไข้ หนาวสั่นใน 1-3 วันหลังฉีด ปวดบวมบริเวณที่ฉีด ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ ปวดข้อ ส่วนภาวะเยื่อบุหัวใจและกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเกิดขึ้นเพียง 30 – 50 ราย ต่อหนึ่งล้านโดสเท่านั้น อีกทั้งภูมิคุ้มกันของเด็กที่เกิดขึ้นหลังได้รับวัคซีนก็ไม่ด้อยกว่าในผู้ใหญ่ และวัคซีนช่วยให้ความปลอดภัย อัตราการป่วยจากโรค COVID-19 แล้วอาการไม่หนัก ไม่จำเป็นต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลสูงถึง 90%

สำหรับวัคซีนชนิดอื่นๆ ของเด็กที่จำเป็น พ่อแม่ก็ไม่ควรละเลย สามารถพาลูกไปฉีดได้ เพื่อสร้างเกราะป้องกันไวรัสและโรคร้ายอื่นๆ โดยสามารถรับห่างจากเมื่อรับวัคซีน COVID-19 ครบ 2 สัปดาห์ไปแล้ว (หรือถ้ารับก่อนให้รับล่วงหน้าก่อนฉีดวัคซีน COVID-19 เข็มแรก  2 สัปดาห์) สำหรับวัคซีนพิษสุนัขบ้านั้นหากเด็กต้องประสบกับความเสี่ยงโดยไม่คาดคิดสามารถฉีดได้ทันที โดยไม่ต้องเว้นระยะจากวัคซีน COVID-19

วัคซีนสำหรับเด็ก ที่แนะนำให้ฉีดหลังรับวัคซีน COVID-19

สำหรับเด็กกลุ่มอายุ 12 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีน COVID-19 ครบโดสแล้ว แนะนำให้ฉีดวัคซีนเพื่อสร้างเกราะป้องกันโรคและไวรัสอื่นๆ ได้แก่  

  • วัคซีนไข้หวัดใหญ่  
  • วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก  
  • วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก  

ถึงแม้วัคซีนเหล่านี้จะไม่ได้เป็นวัคซีนที่ช่วยเสริมภูมิป้องกัน COVID-19 แต่ช่วยป้องกันไม่ให้ติดหรือเป็นโรคดังที่กล่าวมา เพราะหากเป็นโรคร่างกายก็จะอ่อนแอ และเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมา ส่งผลให้อาการแย่ลง และอาจถึงแก่ชีวิตได้

วัคซีนสำหรับเด็กเล็ก ที่อายุไม่เกิน 2 ปี

เด็กอายุไม่เกิน 2 ปี เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่ได้รับวัคซีน COVID-19 แต่พ่อแม่ก็ต้องสร้างเกราะป้องกันให้แข็งแรงเช่นกัน เพื่อไม่ให้เด็กป่วยเป็นโรคหรือติดเชื้อไวรัสอื่นๆ ได้ง่าย วัคซีนที่เด็กกลุ่มนี้ควรได้รับ ได้แก่ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนปอดอักเสบ

สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี การตรวจสุขภาพประจำปีก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นอีกหนึ่งทางที่จะช่วยเช็กและประเมินได้ว่าเด็กมีสุขภาพดีหรือต้องเสริมสร้างส่วนไหน เพื่อให้เด็กพร้อมที่จะเติบโตสมวัยต่อไป

เปิดเมือง เปิดประเทศ และการปฏิบัติตัวของเด็กๆ ในยุค New Normal

1. การดูแลและล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ  

  • สอนเด็กให้รู้จักล้างมืออย่างถูกต้องตามมาตรฐาน  7 ขั้นตอน 
  • หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่อย่างถูกวิธี นานอย่างน้อย 20 วินาที หรือใช้แอลกอฮอล์ล้างมือที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 70% 
  • ปฏิบัติตัวให้ถูกสุขลักษณะ ไอ/จามต้องปิดปากและจมูกด้วยการงอศอก หรือใช้กระดาษชำระปิด จากนั้นนำไปทิ้งในที่ที่เหมาะสม และล้างมืออีกครั้งเพื่อทำความสะอาด 
  • หลีกเลี่ยงการเอามือสัมผัสบริเวณ ตา จมูก ปาก 
  • ให้เด็กล้างมือด้วยน้ำและสบู่ทันทีที่กลับเข้าบ้าน หลังใช้ห้องสุขา และก่อนรับประทานอาหาร รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ต้องดูแลความสะอาดก่อนจัดเตรียมอาหารด้วย 

2. การเว้นระยะห่าง  

  • หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับบุคคลอื่นในบ้าน ทั้งเด็กและสมาชิกในบ้าน 
  • ให้เว้นระยะห่างไม่ต่ำกว่า 6 ฟุต - 2 เมตร  กับบุคคลอื่นที่ไม่ได้อยู่ในบ้าน 
  • กรณีมีเด็กคนอื่นมาที่บ้าน ควรให้เด็กเล่นกันนอกบ้าน และเว้นระยะห่าง ไม่ต่ำกว่า 6 ฟุต - 2 เมตร   
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีการใช้ของเล่นหรืออุปกรณ์ร่วมกัน เช่น ลูกฟุตบอล บาสเก็ตบอล ฯลฯ 

3. การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อภายในบ้าน  

  • ใช้สบู่กับน้ำสะอาด หรือแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 70% หรือน้ำยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้ เช่น น้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนผสมของ Sodium Hypochlorite โดยผสมกับน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้อง เช็ดทำความสะอาดบริเวณดังต่อไปนี้ 
    • พื้นผิวบริเวณที่มีการใช้ร่วมกันทุกวันและบริเวณที่มีการสัมผัสบ่อย เช่น ผ้าปูโต๊ะ ลูกบิดประตู มือจับประตู เก้าอี้ สวิตช์ไฟ  รีโมทคอนโทรล เครื่องใช้ไฟฟ้า หน้าต่าง โต๊ะ ห้องน้ำ อ่างล้างมือ เป็นต้น 
    • บริเวณที่สกปรกได้ง่าย เช่น โต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อม โต๊ะอาหาร 
    • พื้นผิวบริเวณที่เด็กสัมผัสบ่อยๆ เช่น ขอบเตียงนอน โต๊ะวางของเล่น หรือของเล่นต่างๆ โดยเฉพาะของเล่นเด็กชนิดที่เด็กอาจหยิบใส่ปากได้ ให้ทำความสะอาดโดยใช้สบู่และน้ำสะอาด และระวังอย่าให้มีคราบสบู่ตกค้าง 
  • ในกรณีที่จำเป็นจะต้องดูแลเด็กที่ติดเชื้อ COVID-19 ให้พ่อแม่ผู้ปกครองล้างมือทุกครั้งหลังจับต้องสิ่งของและของเล่นที่เด็กใช้ รวมถึงหลังเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือผ้าปูเตียงเด็ก เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อ และควรรักษาระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ 

4. การสวมใส่หน้ากากอนามัย 

  • แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน หรือไปในที่สาธารณะ หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดบุคคลอื่น 
  • แนะนำให้เด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไปสวมหน้ากากอนามัย เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว 
  • ไม่แนะนำให้เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ หรือเด็กที่มีปัญหาด้านการหายใจ รวมถึงเด็กที่อยู่ในสภาพที่ถอดหน้ากากเองไม่ได้ สวมหน้ากากอนามัย เนื่องจากระบบทางเดินหายใจของเด็กยังพัฒนาไม่เต็มที่ เด็กอาจขาดออกซิเจนและเป็นอันตรายได้ ควรใช้การเว้นระยะห่างอย่างต่ำ 2 เมตร หรือเอาผ้าคลุมรถเข็นที่มีเด็กนอนอยู่แทน 
คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?