การผ่าตัดหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท ผู้ป่วยมักเกิดความวิตกกังวลถึงผลลัพธ์ของการรักษา กลัวว่าการผ่าตัดจะเป็นอันตราย รวมถึงหลังผ่าตัดจะมีความเสี่ยงเป็นอัมพาต แต่ด้วยเทคโนโลยีการผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาทได้พัฒนาไปจากในอดีตมาก ทั้งขนาดของแผลผ่าตัด มาตรฐานความปลอดภัย รวมถึงแพทย์ผู้ชำนาญ ที่สามารถวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ ทำให้ผู้ป่วยสามารถลุกเดินได้เร็วขึ้น และเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยลงกว่าเดิมมาก
- อย่างไรก็ตามอาจมีความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาด้วยการผ่าตัดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ดังนี้
- ภาวะเสียเลือด ติดเชื้อที่แผลผ่าตัด รากประสาท-ไขสันหลังบาดเจ็บ (อ่อนแรง สูญเสียความรู้สึก)
- ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ โพรงหลังฉีกขาด น้ำไขสันหลังรั่ว ปวดศีรษะ เลือดออกในสมอง
- อาการปวดหลังไม่ดีขึ้น หรือยังมีอาการปวดหลงเหลืออยู่
- เส้นเลือดตีบ เส้นเลือดอุดตันในปอด อัมพาต และบาดเจ็บที่อวัยวะภายใน ซึ่งเป็นภาวะที่พบน้อยมาก แต่ร้ายแรง
- นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงเฉพาะโรคที่อาจจะเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัด เช่น
- ความไม่มั่นคงของข้อต่อกระดูกสันหลัง ในช่วงแรกหลังผ่าตัด หรือ เมื่อผ่าไปแล้วระยะเวลาหนึ่ง
- การเกิดหมอนรองกระดูกเคลื่อนช้ำหรือ การเปิดโพรงประสาทที่ไม่เพียงพอ
- เลือด หรือของเหลวในจุดที่ผ่าตัด กดทับรากประสาท
- การบาดเจ็บของแผงประสาทบั้นเอว (Cauda equina syndrome)
ดังนั้น การเลือกแพทย์หรือสถานพยาบาลเพื่อทำการรักษาโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท จึงมีความสำคัญอย่างมาก แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคเฉพาะทาง และมีประสบการณ์สูงจะสามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง และเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อลดอาการแทรกซ้อนและผลข้างเคียงจากการผ่าตัด รวมถึง การทำงานร่วมกันระหว่างทีมแพทย์สหสาขาวิชา ไม่ว่าจะเป็น ศัลยแพทย์กระดูกสันหลังและข้อ วิสัญญีแพทย์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้นหลังการผ่าตัด
หากมีอาการปวดคอ หลัง และเอวเรื้อรัง มีความรุนแรงหรือร่วมกับอาการของระบบประสาทที่ผิดปกติ เช่น ปวดร้าวลงแขนหรือลงขา อาการชาปลายมือปลายเท้า หรือมีอาการอ่อนแรงของมือหรือขา อาจเป็นอาการแสดงของโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ