องค์การอนามัยโลกยืนยันแล้วว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่จะต้องทำควบคู่ไปกับการสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง และหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด เพราะแม้ผู้ที่เคยได้รับวัคซีนมาแล้ว ก็ยังสามารถมีโอกาสติดโรคโควิด-19 ได้ จากละอองฝอย (Droplets) จากการไอหรือจาม การสัมผัสสารคัดหลั่ง (Contact) เช่น น้ำลาย น้ำมูก เสมหะ เป็นต้น
สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาบางชนิด สามารถปฏิบัติตัวเบื้องต้นตามคำแนะนำดังนี้
โรคประจำตัว |
คำแนะนำ |
โรคหัวใจและหลอดเลือด |
สามารถฉีดได้ ยกเว้นเพิ่งมีอาการ หรือ อาการของโรคหัวใจยังไม่คงที่ หรือมีอาการอื่นๆ ที่อาจเป็นอันตราย ซึ่งแพทย์ประจำตัวพิจารณาแล้วว่ายังไม่ควรฉีดวัคซีน |
โรคไตเรื้อรัง ได้รับการบำบัดทดแทนไต |
สามารถฉีดได้ ยกเว้นเพิ่งมีอาการหรืออาการของโรคยังไม่คงที่ หรือมีอาการอื่นๆ ที่อาจเป็นอันตราย ซึ่งแพทย์ประจำตัวพิจารณาแล้วว่ายังไม่ควรฉีดวัคซีน |
ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ |
แนะนำรับวัคซีนหลังผ่าตัด 1 เดือน ต้องมีอาการคงที่และได้รับความเห็นชอบจากแพทย์แล้ว |
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหอบหืด |
สามารถฉีดได้ ยกเว้นเพิ่งมีอาการ หรือ อาการของโรคยังไม่คงที่ แนะนำควรรอหลังหายจากอาการ 2-4 สัปดาห์ |
โรคมะเร็ง |
สามารถฉีดได้ ยกเว้น
|
โรคเบาหวานและโรคอ้วน (น้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกาย |
สามารถฉีดได้ ยกเว้นเพิ่งมีอาการหรืออาการของโรคยังไม่คงที่ |
โรคเอดส์ |
สามารถฉีดได้ ยกเว้นเพิ่งมีอาการของโรคติดเชื้อฉวยโอกาสซึ่งควรรักษาให้อาการคงที่ก่อน |
โรคไขข้ออักเสบและโรคแพ้ภูมิตัวเอง |
สามารถฉีดได้ ยกเว้นเพิ่งมีอาการหรืออาการของโรคยังไม่คงที่ |
โรคระบบประสาทภูมิคุ้มกัน |
สามารถฉีดได้ ยกเว้นเพิ่งมีอาการหรืออาการของโรคยังไม่คงที่ ควรจะรออย่างน้อย 4 สัปดาห์จนกว่าอาการจะคงที่ |
โรคหลอดเลือดสมอง |
สามารถฉีดได้ ยกเว้นผู้ที่อาการยังไม่คงที่ หรือมีอาการอื่นๆที่อาจเป็นอันตราย ซึ่งแพทย์ประจำตัวพิจารณาแล้วว่ายังไม่ควรฉีด |
โรคลมชัก |
สามารถฉีดได้ ไม่มีข้อห้าม |
โรคทางระบบประสาทอื่นๆ |
สามารถฉีดได้ ไม่มีข้อห้าม |
ยาโรคประจำตัวที่ควรเฝ้าระวัง |
คำแนะนำ |
ยาสเตียรอยด์ (Prednisolone 20 มิลลิกรัม เทียบเท่า Dexamethasone 3 มิลลิกรัม และ Methylprednisolone 16 มิลลิกรัม) |
Prednisolone ขนาดน้อยกว่า 20 มิลลิกรัมต่อวัน หรือ สเตียรอยด์อื่นที่เทียบเท่า สามารถฉีดได้โดยไม่ต้องหยุดยา แต่ถ้ามากกว่า 20 มิลลิกรัมต่อวัน หรืออยู่ในช่วงกำลังลดปริมาณยาลง ผู้ป่วยต้องมีอาการคงที่ ถึงสามารถฉีดวัคซีนได้ |
ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น Azathioprine, IVIG, Cyclophosphamide ชนิดกิน |
สามารถฉีดได้โดยไม่ต้องหยุดยา |
Cyclophosphamide ชนิดฉีดเข้าเส้นเลือด |
สามารถฉีดวัคซีนได้ หากอาการคงที่ โดยแนะนำให้หยุดยา 1 สัปดาห์ หลังการฉีดวัคซีน |
Mycophenolate |
สามารถฉีดวัคซีนได้ หากอาการคงที่ โดยแนะนำให้หยุดยา Mycophenolate 1 สัปดาห์ หลังการฉีดวัคซีน |
Methotrexate |
สามารถฉีดวัคซีนได้ หากอาการคงที่ โดยแนะนำให้หยุดยา Methotrexate 1 สัปดาห์ หลังการฉีดวัคซีน |
Hydroxychloroquine, Sulfasalazine, Leflunomide |
ไม่ต้องปรับเปลี่ยนการรับยาหรือเลื่อนการฉีดวัคซีน |
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด Warfarin
|
สามารถฉีดได้ ในผู้ป่วยที่มีค่า INR น้อยกว่า 4 โดยใช้เข็มขนาด 25G หรือ 27G และไม่คลึงกล้ามเนื้อหลังฉีดวัคซีน หลังฉีดเสร็จควรกดตรงที่ฉีดอย่างน้อย 2-5 นาทีจนแน่ใจว่าไม่มีเลือดออก |
ยาป้องกันภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เช่น Fondaparinux |
สามารถฉีดวัคซีนได้ โดยฉีดก่อนยาชนิดนี้ |
ยาต้านการแข็งตัวของเลือดกลุ่มใหม่หรือ NOAC (Non-Vitamin K Antagonist Oral Anticoagulants) เช่น Dabigatran ,Rivaroxaban, Apixaban และ Edoxaban |
สามารถฉีดวัคซีนได้ แต่ควรใช้เข็ม 25G หรือเล็กกว่าและไม่คลึงกล้ามเนื้อหลังฉีดวัคซีน หลังฉีดเสร็จควรกดตรงที่ฉีดอย่างน้อย 2-5 นาทีจนแน่ใจว่าไม่มีเลือดออก |
ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น Aspirin, Clopidogrel, Colostazol, Ticagrelor หรือ prasugrel |
สามารถฉีดวัคซีนได้ แต่ควรใช้เข็ม 25G หรือเล็กกว่าและไม่คลึงกล้ามเนื้อหลังฉีดวัคซีน หลังฉีดเสร็จควรกดตรงที่ฉีดอย่างน้อย 2-5 นาทีจนแน่ใจว่าไม่มีเลือดออก |
ยาแอนติบอดี (ยาที่ลงท้ายด้วย -mab) |
ยา Rituximab : แนะนำฉีดวัคซีน ก่อนเริ่มยาครั้งแรก 14 วัน หรือหลังรับยาไปแล้ว 1 เดือน ยา Omalizumab, Benralizumab, Dupilumab แนะนำฉีดวัคซีนก่อนหรือหลังรับยา 7 วัน |
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่