วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ในผู้ใหญ่

วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ในผู้ใหญ่

HIGHLIGHTS:

  • โรคไอกรนเมื่อเกิดในผู้ใหญ่ อาจแพร่เชื้อไปยังเด็กเล็กได้ ซึ่งอาการมักจะรุนแรง จึงแนะนำให้ผู้ที่อายุตั้งแต่ 10-18 ปี และผู้ใหญ่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยักชนิดไร้เซลล์ อย่างน้อย 1 ครั้ง
  • ในหญิงตั้งครรภ์ทุกคนควรฉีด วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ในช่วงอายุครรภ์ 27-36 สัปดาห์

หลังจากรับวัคซีนในวัยเด็กจนครบแล้ว การรับวัคซีนเพิ่มเติมเมื่อเป็นผู้ใหญ่ก็มีความจำเป็นและสำคัญไม่น้อย โดยเฉพาะวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก

  • คอตีบ (Diphtheria) เป็นโรคติดต่อจากเชื้อแบคทีเรีย มักแสดงอาการหลังจากได้รับเชื้อ 2-5 วัน ส่งผลรุนแรงต่อลำคอและเยื่อบุจมูก ต่อมน้ำเหลืองในคอบวม มีไข้สูง เจ็บคอ กลืนอาหารลำบาก อ่อนเพลีย และหายใจหอบ เหนื่อย ติดต่อกันได้ง่ายผ่านสารคัดหลั่งของผู้ป่วยโรคคอตีบ
  • บาดทะยัก (Tetanus) เป็นโรคติดเชื้อจากแบคทีเรียที่ส่งผลต่อระบบประสาทร้ายแรง หากไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาไม่ถูกวิธี ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะภาวะปอดติดเชื้อรุนแรง
  • ไอกรน (Pertussis) เป็นโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจจากแบคทีเรีย อาการช่วงแรกคล้ายไข้หวัด จากนั้นจะพบอาการไออย่างรุนแรงต่อเนื่อง จนผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อยและเพลียมาก อาจพบหลอดเลือดดำที่คอโป่งพองจนมองเห็นได้ชัด สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนหรือได้รับไม่ครบตามกำหนด อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนถึงชีวิตได้

วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก มีกี่ชนิด

การรักษาโรคที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เกิดโรค วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน และบาดทะยัก ทํามาจากเชื้อและพิษของเชื้อที่ผ่านกระบวนการทําให้หมดความสามารถในการเกิดโรคและไม่มีเชื้อโรคที่มีชีวิตผสมอยู่ จึงมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรค หากได้รับครบถ้วนตามกําหนด วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก มีหลายชนิด ดังนี้

1.วัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก – คอตีบ

เป็นวัคซีนที่จำเป็นต้องฉีดในเด็กทุกคนตั้งแต่ 7 ปี ขึ้นไป โดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ชุดแรก 3 ครั้ง มีระยะห่าง 0, 1 และ 6 เดือน หลังจากนั้นให้ฉีดกระตุ้นซ้ำทุก 10 ปี นอกจากนี้ผู้ที่มีบาดแผลสกปรกที่อาจปนเปื้อนเชื้อบาดทะยัก รวมถึงคุณแม่ตั้งครรภ์ ควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก-คอตีบเช่นกัน ยกเว้นว่าเคยได้รับครบถ้วนมาก่อนแล้ว

2. วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ชนิดทั้งเซลล์

เด็กทุกคนควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ด้วยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อบริเวณต้นขาด้านหน้าทั้งสิ้น 5 ครั้ง ตั้งแต่อายุ 2, 4, 6, 18 เดือน และ ครั้งที่ 5 เมื่ออายุประมาณ 4 -6 ปี นอกจากนี้ยังมีวัคซีนชนิดรวมกับวัคซีนป้องกันตับอักเสบบี โปลิโอ และฮิบในเข็มเดียวกัน อย่างไรก็ตามวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ชนิดทั้งเซลล์ ไม่เหมาะสำหรับเด็กที่อายุมากกว่า 7 ปีและผู้ใหญ่ แต่ควรแทนด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก (ไม่มีไอกรน)

3. วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ชนิดไร้เซลล์

ทําจากพิษของเชื้อคอตีบและบาดทะยักที่ผ่านขั้นตอนทําให้ไม่ก่อโรคในคน มีส่วนประกอบบางส่วนของเชื้อไอกรนที่แยกบริสุทธิ์ โดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 5 ครั้ง ตามอายุเช่นเดียวกับชนิดทั้งเซลล์ อีกทั้งยังสามารถใช้ทดแทนกันได้ทุกครั้ง อย่างไรก็ตามผู้ที่เคยได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนชนิดทั้งเซลล์ เช่น มีไข้สูง ชัก ควรพิจารณาใช้วัคซีนชนิดไร้เซลล์ในการฉีดครั้งต่อไป เนื่องจากวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ชนิดไร้เซลล์มีผลข้างเคียงต่ำกว่า

4. วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ชนิดไร้เซลล์ (ชนิดสูตรสําหรับเด็กโตและผู้ใหญ่)

หลังจากเด็กๆ ได้รับวัคซีนครบ 5 เข็ม เมื่ออายุครบ 10 ปี ภูมิคุ้มกันจะเริ่มลดน้อยลง จึงควรฉีดกระตุ้นอีกครั้งตั้งแต่อายุ 10-18 ปี ซึ่งในอดีตวัคซีนที่ใช้ฉีดกระตุ้นมีเพียงวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก (ไม่มีไอกรน) เนื่องจากวัคซีนที่มีไอกรนที่ใช้ในเด็กเล็ก อาจส่งผลกระทบต่อเด็กโตและผู้ใหญ่ได้มาก จึงมีการนําวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยักชนิดไร้เซลล์ชนิดสูตรสําหรับเด็กโตและผู้ใหญ่มาใช้ทดแทน โดยดัดแปลงวัคซีนไอกรนให้มีความบริสุทธิ์และมีปริมาณเชื้อไอกรนลดลง นอกจากนี้ยังสามารถให้พร้อมกับวัคซีนอื่นๆ ได้ในวันเดียวกัน แต่ต้องแยกเข็มฉีด

ผลข้างเคียงจากวัคซีน

เนื่องจากวัคซีนผลิตจากเชื้อที่นำมาผ่านกระบวนการ มีความปลอดภัยสูง แต่บางกรณีอาจส่งผลกระทบข้างเคียงขึ้นได้ เช่น บวมบริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ อาการมักไม่รุนแรง สามารถหายเองภายใน 2-3 วัน การดูแลอาการข้างเคียง เช่น ใช้ผ้าเย็นประคบหากเกิดอาการปวด บวมบริเวณที่ฉีด รวมถึงรับประทานยาลดไข้ในขนาดที่เหมาะสม แต่หากพบว่ามีภาวะข้างเคียงที่รุนแรง ควรรีบพบแพทย์ทันที

โรคไอกรนสามารถเกิดได้ทั้งใน เด็กเล็ก เด็กโต และผู้ใหญ่

โรคไอกรนสามารถเกิดได้ทั้งในเด็กโตและผู้ใหญ่ รวมถึงอาจแพร่เชื้อไปยังเด็กเล็กได้ จึงแนะนำให้ผู้ที่อายุตั้งแต่ 10-18 ปี และผู้ใหญ่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยักชนิดไร้เซลล์ อย่างน้อย 1 ครั้ง และแนะนำให้ฉีดในหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 27-36 สัปดาห์ ทุกคน

ทั้งนี้ หากไม่ได้รับวัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก อาจเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงเป็นโรคอันตราย หรือมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิต ดังนั้นจึงไม่ควรละเลยการป้องกันโรคด้วยการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนตั้งแต่เด็ก และรับวัคซีนเพื่อกระตุ้นซ้ำเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?