ฟื้นฟูปอดหลังรอดโควิด-19

ฟื้นฟูปอดหลังรอดโควิด-19

HIGHLIGHTS:

  • เมื่อติดเชื้อโควิด-19 แล้ว จะมีผลกระทบกับระบบทางเดินหายใจโดยตรง ซึ่งอาจเริ่มตั้งแต่ไม่มีอาการเลย มีอาการเล็กน้อย หรือมีอาการรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบ จนถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อหายแล้วจะยังทิ้งรอยโรคไว้ เหลือเป็นพังผืดและแผลเป็นในปอด ทำให้สมรรถภาพปอดลดลง รู้สึกหายใจไม่เต็มปอด เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น ทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ได้เหมือนเดิม
  • การฟื้นฟูสมรรถภาพปอดทำได้โดย การฝึกการหายใจ การบริหารปอดด้วยเครื่อง Triflow และการออกกำลังกายเบาๆ ซึ่งการจะฟื้นฟูให้ปอดกลับมาเป็นปกตินั้นสามารถทำได้ แต่ต้องใช้เวลาพอสมควรa

ความรุนแรงของโรคโควิด-19 และสถานการณ์การระบาดของโรคนั้นยังคงอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง มีทั้งผู้ติดเชื้อหลักพัน และผู้เสียชีวิตในทุกๆ วัน รวมถึงการฉีดวัคซีนที่ยังฉีดได้น้อยหากเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ (17 พฤษภาคม 2021) ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อโควิด-19 ได้ง่ายขึ้นและมีอาการที่รุนแรงได้ ส่งผลให้เกิดความเสียหายโดยตรงกับ “ปอด” ซึ่งถือเป็นอวัยวะที่สำคัญในระบบทางเดินหายใจ และส่งผลกระทบถึงการดำรงชีวิตที่อาจจะไม่เหมือนเดิมเมื่อหายจากโรคโควิด-19 แล้ว

ความรุนแรงของโรคโควิด-19 และสถานการณ์การระบาดของโรคนั้นยังคงอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง มีทั้งผู้ติดเชื้อหลักพัน และผู้เสียชีวิตในทุกๆ วัน รวมถึงการฉีดวัคซีนที่ยังฉีดได้น้อยหากเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ (17 พฤษภาคม 2021) ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อโควิด-19 ได้ง่ายขึ้นและมีอาการที่รุนแรงได้ ส่งผลให้เกิดความเสียหายโดยตรงกับ “ปอด” ซึ่งถือเป็นอวัยวะที่สำคัญในระบบทางเดินหายใจ และส่งผลกระทบถึงการดำรงชีวิตที่อาจจะไม่เหมือนเดิมเมื่อหายจากโรคโควิด-19 แล้ว

ปอดอักเสบ / ปอดถูกทำลายได้อย่างไรจากโรคโควิด-19

เชื้อก่อโรคโควิด-19 นั้นเข้าสู่ร่างกายของเราผ่านทางจมูกสู่ปอด ซึ่งแหล่งเก็บเชื้อนี้ก็คือปอดของมนุษย์เรา ดังนั้น เมื่อติดเชื้อก่อโรคโควิด-19 แล้ว ก็จะส่งผลกระทบกับระบบทางเดินหายใจโดยตรง

ในระยะแรกๆ ผู้ป่วยจะมีอาการเหมือนติดเชื้อไวรัสทั่วไป เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยเนื้อตัว แต่อาการทางระบบทางเดินหายใจยังไม่ค่อยเด่นชัดนัก แต่หากผ่านไปสักระยะหนึ่ง ประมาณวันที่ 3-4 ของการติดเชื้อ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการไอ เหนื่อยหอบ แบบค่อยเป็นค่อยไป เมื่อผู้ป่วยได้รับการเอกซเรย์ปอด จะเริ่มเห็นความผิดปกติ พบฝ้าขาวเกิดขึ้นในปอดจากฟิล์มเอกซเรย์ ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องกังวลเนื่องจากผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการขาดออกซิเจนแล้วเกิดการอักเสบของปอดจนกลายเป็นปอดอักเสบในที่สุด

โดยทั่วไปแล้วลักษณะเฉพาะของคนที่เป็นโรคโควิด-19 นั้น ปอดอักเสบจะเกิดขึ้นมากกว่า 1 ตำแหน่ง โดยมักจะเกิดขึ้น 3-4 ตำแหน่ง และจะเป็นที่ปอดทั้ง 2 ข้าง ทั้งนี้ หากในระยะนี้ทำการรักษาได้ทันท่วงที ให้ยาที่เหมาะสม ทั้งยาต้านไวรัส ยาสเตียรอยด์ และยาอื่นๆ ปอดจะค่อยๆ ฟื้นตัวกลับไป จะมีอยู่ประมาณ 10% ที่จะเป็นปอดอักเสบรุนแรง และมีเพียงแค่ 1% เท่านั้นที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

ปัจจัยของการที่ปอดถูกทำลาย

เมื่อเกิดการติดเชื้อก่อโรคโควิด-19 จะเกิดปฏิกิริยาของร่างกายที่เกิดจากการอักเสบของปอด ทำให้มีพังผืดและแผลเป็นต่างๆ ในปอดตามมา ซึ่งจะมีมากน้อยแค่ไหน หรือสามารถฟื้นตัวหลังจากหายได้มากเท่าไหร่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับ

  1. ปริมาณของเชื้อหรือมีการติดเชื้อชนิดอื่นซ้ำซ้อนหรือไม่
  2. พื้นฐานของสุขภาพร่างกายหรือระบบการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเป็นอย่างไร
  3. ความเร็วในการให้การรักษาอย่างทันท่วงที

สภาพของปอดหลังได้รับการรักษาจากโรคโควิด-19

เมื่อหายจากโรคโควิด-19 แล้ว การอักเสบของร่างกายอย่างรุนแรงจากเชื้อก่อโรคโควิด-19 จะมีผลทำให้เกิดเป็นรอยโรคพวกแผลเป็นหรือพังผืดต่างๆ ในเนื้อปอด ทำให้เนื้อปอดขาดความยืดหยุ่น และแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ไม่ค่อยดีนัก หากตรวจวัดสมรรถภาพปอด จะพบว่าสมรรถภาพปอดต่ำกว่าปกติ ซึ่งหากอยู่เฉยๆ อาจไม่ค่อยรู้สึก แต่หากต้องไปออกกำลังกายหรือทำอะไรกิจกรรมที่หนักๆ จะรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติมาก

ในส่วนของการฟื้นตัวของปอดหลังหายจากโรคโควิด-19 จะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงแรก เป็นช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังหายจากโรค สิ่งที่จะพบ คือ ยังพบฝ้าขาวที่ปอดในฟิล์มเอกซเรย์ แต่มีปริมาณเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงที่ติดเชื้อ และช่วงหลัง คือ ช่วงสัปดาห์ที่ 3-4 หลังจากที่หายจากโรค ร่างกายมีการฟื้นฟูกลับมาบ้างแล้ว แต่จะยังรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ไม่แข็งแรง ไม่กะปรี้กะเปร่า

การฟื้นฟูสมรรถภาพปอด ทำได้อย่างไร

ผู้ป่วยที่เพิ่งฟื้นตัวจากโรคโควิด-19 และมีอาการปอดอักเสบร่วมด้วย เนื้อปอดจะมีพังผืดและแผลเป็นเกิดขึ้น ในช่วงแรก ต้องระบบการหายใจและสมรรถภาพของปอดนั้นจะยังไม่เป็นปกติ ทั้งนี้ สามารถฟื้นฟูสมรรถภาพปอดได้โดยให้มีการเคลื่อนไหวหรือขยับช่วงปอด เพื่อให้เนื้อปอดและถุงลมต่างๆ ค่อยๆ ฟื้นฟูตัวเองกลับมามีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงการออกกำลังกายเบาๆ เพื่อที่จะสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ดังเดิม ดังนี้

  1. การฝึกการหายใจ (Breathing Exercise) การฝึกการหายใจนั้นจำเป็นในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการฟื้นตัว ทำได้โดยการออกแรงในการหายใจเข้าทางจมูกจนสุด แล้วควบคุมลมที่หายใจออกมาทางปากช้าๆ หรือพูดคำว่า “อู” ยาวๆ ช้าๆ จนกระทั่งลมหมดปอด แล้วหายใจเข้าใหม่ให้เต็มปอดแล้วออกช้าๆ เช่นเดิม เนื่องจากพังผืดจะทำให้เนื้อปอดมีความแข็ง พังผืดที่แข็งเมื่อได้ขยับบ่อยๆ ก็จะมีการยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้ elasticity หรือความยืดหยุ่นของเนื้อปอดค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมา
  2. การบริหารปอด จำเป็นในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการฟื้นตัวเช่นกัน เรียกว่าเป็นกลยุทธ์การฟื้นฟูสมรรถภาพปอดอย่างหนึ่งที่ได้ผลดี ทำได้โดยการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ ที่เรียกว่า Triflow โดยให้คนไข้ดูดลูกปิงปองที่มีทั้งหมด 3 ลูก ใน 3 ช่อง ซึ่งจะลอยขึ้นกี่ลูกก็ขึ้นอยู่กับปริมาณลมที่สูดเข้าไป ยิ่งสูดลมเข้าไปมาก ลูกปิงปองก็จะลอยขึ้นเยอะ การดูดลมเข้าปอดโดยใช้เครื่อง Triflow นั้นจึงถือเป็นเทคนิคการบริหารปอดรูปแบบนึงที่ทำให้ปอดขยายเต็มที่ ช่วยให้ปอดมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และค่อยๆ ฟื้นตัวได้
  3. การออกกำลังกายเบาๆ สามารถทำได้ในสัปดาห์ที่ 3-4 เป็นต้นไป ในช่วงนี้ร่างกายอาจจะยังมีการอ่อนเพลีย แต่ปอดอาจจะเริ่มฟื้นตัวบ้างแล้ว ดังนั้น จึงต้องมีการออกกำลังกาย มีการเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น โดยอาจเริ่มจากการออกกำลังกายเบาๆ เช่น การลุกเดินบ่อยๆ ไม่อยู่เฉย พอร่างกายเริ่มชินแล้วค่อยขยับความหนักขึ้นไป อาจจะเดินให้ไวขึ้น หรือวิ่ง jogging เบาๆ ได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การฟื้นฟูสมรรถภาพปอดนั้น นอกจากการฝึกการหายใจ การบริหารปอดโดยใช้ Triflow และการออกกำลังกายเบาๆ แล้ว สิ่งที่จำเป็นและควรปฏิบัติตามเป็นประจำสม่ำเสมอเมื่ออยู่ในช่วงฟื้นตัวนั้นก็คือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการสูดควันบุหรี่และมลพิษต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่นานและมีอาการรุนแรง เพื่อให้มีสุขภาพปอดที่ดี ภูมิคุ้มกันของร่างกายที่แข็งแรง และสามารถกลับไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ดังเดิมได้เร็วที่สุด

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?