อยากจะยื่นมือไปทำอะไรซักอย่างแต่ทำไม่ได้เพราะเหยียดแขนไม่ออก อย่างที่ตั้งใจ เช่น กว่าจะยื่นเงินค่าทางด่วนให้พนักงานได้ต้องยื่นแล้ว…ยื่นอีก…กว่าจะถึง หรือแม้บางทียื่นถึง แต่ก็ดูเหมือนเส้นของเรานั้นจะตึงจนแทบจะขาดผึงเสียให้ได้ ทำให้รู้สึกเจ็บหรือปวดขึ้นมาทันที
หลายคนคิดว่าตัวปัญหาอยู่ที่เส้นของเรานั้นยืดหรือตึงกันอยู่ใช่ไหม แต่ความจริงแล้วตัวการสำคัญของปัญหานั้นคือ “ภาวะข้อศอกติด”
ข้อศอก ทำหน้าที่ช่วยให้การทำงานของแขน หรือข้อมือ ยื่นออกไปได้ไกลขึ้นจากตัว สามารถเอื้อม หยิบ จับของที่อยู่ห่างตัวได้ เช่น ยื่นแขนจ่ายค่าทางด่วน เอื้อมหยิบของจากชั้นสูงๆ ยกแขนตีแบดมินตัน เทนนิส เป็นต้น แต่คนที่มีปัญหาภาวะข้อศอกติด พิสัยของการขยับข้อศอกจะลดน้อยลง ส่งผลทำให้หน้าที่ของแขนและมือไม่สามารถไปได้ไกลจากตัวเหมือนเดิม
โดยปกติสำหรับคนทั่วไป จะมีพิสัยของข้อ หรือความสามารถในการเหยียดข้อศอกได้ ตรงหรือแอ่นเล็กน้อย (5-10 องศา) งอข้อศอกได้ 140 องศา ซึ่งผู้หญิงมักจะมีค่ามากกว่าผู้ชายเล็กน้อย
ในกรณีที่ข้อศอกเสียการเคลื่อนไหวไม่มาก ข้อศอกจะเหยียดได้ประมาณ -30 องศา และงอได้ประมาณ 130 องศา หรือพิสัยของการงอและเหยียดรวมกัน 100 องศา ในกรณีนี้ ส่วนใหญ่ข้อศอกยังอยู่ในระดับที่สามารถทำกิจกรรมหรือทำหน้าที่ต่างๆ ได้ เช่น พิมพ์ดีด ช้อปปิ้ง คุยโทรศัพท์ หมุนไขควง หมุนประตู ฯลฯ ได้
แต่หากมีอาการติดขัดแย่กว่ามุมองศาที่กล่าวมา ข้อศอกมักจะเสียหน้าที่ในการทำงานไป หรือในบางคนนอกจากอาการติดแล้วยังมีปัญหาของอาการปวดข้อศอกร่วมด้วย จึงไม่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ จำเป็นต้องมาพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
สาเหตุของภาวะข้อศอกติด เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ซึ่งอาจเกิดได้ทั้งจากภายในและภายนอกข้อ
ปัจจัยในการพิจารณาการรักษาขึ้นอยู่กับ อายุ อาชีพ และความรุนแรงของโรค เมื่อหาสาเหตุได้แล้วควรจะทำการรักษาตั้งแต่ต้นตอ เช่น ถ้ามีการอักเสบของข้อ ใช้ยาลดการอักเสบ ลดกิจกรรมเพื่อลดการอักเสบ หรือการฉีดยาเข้าข้อ เพื่อลดการอักเสบ หรือปรึกษาแพทย์เฉพาะทางของโรคที่เกี่ยวข้องกับข้ออักเสบนั้น เพื่อป้องกันการนำไปสู่ภาวะข้อศอกติด
แต่หากปล่อยทิ้งไว้จนมาถึงปลายทางเมื่อข้อศอกติดไปแล้ว อีกทั้งล้มเหลวจากการรักษาด้วยการให้ยารับประทาน ฉีดยา การทำกายภาพบำบัด ในกรณีที่ทำการรักษาตามขั้นตอนดังกล่าวมาแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ ควรจะต้องพิจารณาผ่าตัด โดยเฉพาะในรายที่หาสาเหตุได้ชัดเจน การผ่าตัดจะช่วยให้ข้อศอกสามารถกลับมาใช้งานได้เป็นปกติ
อย่างที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันการ ผ่าตัดข้อศอก นั้นมี 2 แบบ คือ การผ่าตัดแบบเปิด และการผ่าตัดส่องกล้อง
ซึ่งการผ่าตัดส่องกล้องในปัจจุบัน นอกจากจะให้ผลการรักษาที่ดีแล้ว ยังช่วยลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อบริเวณรอบๆ ได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิดซึ่งจะต้องรบกวนเนื้อเยื่อหลายส่วน การขยายภาพของกล้องช่วยให้เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ทำให้การรักษาตรงจุดมากขึ้น เมื่อมีแผลเล็กเจ็บน้อย จึงช่วยให้โปรแกรมการรักษาหลังการผ่าตัด การทำกายภาพบำบัด ทำได้ดีขึ้น ง่ายขึ้น ผู้ป่วยจึงฟื้นตัวเร็วขึ้นนั่นเอง
การดูแลหลังการผ่าตัด ในเบื้องต้นควรลดภาวะบวมหรือลดอักเสบหลังผ่าตัด โดยการทานยา หลังจากนั้นให้เน้นการเคลื่อนไหว หรือในบางรายอาจพิจารณาให้ยาป้องกันแคลเซียมพอกในกล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันการเป็นซ้ำ
“การรักษาภาวะข้อศอกติดจะมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยาธิสภาพของโรคและร่างกายของคนไข้ ที่สำคัญการได้รับความร่วมมือต่อโปรแกรมหลังผ่าตัด หากคนไข้ให้ความร่วมมือ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โอกาสการกลับมาเป็นซ้ำนั้นค่อนข้างจะต่ำมากครับ”
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่