เรื่องการขับถ่ายของเด็กๆ เป็นปัญหาอันดับต้น ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่มักจะพบอยู่ตลอด โดยเฉพาะเด็ก 2 ขวบปีแรก ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องผูก ถ่ายเหลว ถ่ายแข็ง ในเด็กบางคนอาจเป็นแบบไม่ทราบสาเหตุ ตรวจไม่พบโรค อาการที่น่าเป็นห่วงอย่างหนึ่งคือ อุจจาระตกค้าง หรืออุจจาระค้างท้อง
อุจจาระตกค้างในลำไส้ หมายถึงการที่เด็กไม่สามารถขับถ่ายอุจจาระออกมาได้หมด ทำให้รำคาญ เจ็บ ลำบากในการใช้ชีวิต และหากมีอุจจาระตกค้างอยู่ตามผนังลำไส้นานๆ ก็จะให้อุจจาระนั้นรวมตัวกันติดแน่น มีขนาดใหญ่ขึ้น หลุดออกไม่ได้ง่ายๆ กลุ่มอุจจาระใหม่ก็ไม่สามารถดันกลุ่มอุจจาระเก่า และถึงแม้จะดันของเก่าออกมาได้ก็ยังไม่สามารถช่วยดันอุจจาระเก่าที่ติดแน่นออกจากลำไส้ได้ทั้งหมด ซึ่งอาการนี้จะส่งผลต่อร่างกายอย่างมาก
เมื่อมีอุจจาระตกค้างเพิ่มมากขึ้น จะทำให้อุจจาระที่ตกค้างไปกดดัน ต่อกระเพาะอาหาร และไปกดทับกระเพาะปัสสาวะซึ่งจะทำให้เกิดอาการต่างๆ ที่ผิดปกติต่อไป เช่น
คุณพ่อคุณแม่สามารถตรวจได้เบื้องต้นโดยใช้นิ้วมือลองกดๆ ลงไปลึกๆ คลำบริเวณท้อง ใต้สะดือด้านซ้ายล่าง จากนั้นคลำหาท่อนลำไส้ ลักษณะสัมผัสเป็นเหมือนท่อนยาวๆ คล้ายไส้กรอกเคลื่อนที่ตามการกดได้ หากกดไม่ถึง หรือกดหาไม่เจอ ให้จับเด็กนอนหงาย เมื่อเด็กหายใจเข้าหรือมีลักษณะแขม่วพุง เด็กผอมจะกดเจอง่ายกว่าเด็กที่มีน้ำหนักเยอะ
เมื่อพ่อแม่รู้สึกว่า เด็กมีอาการเหมือนไม่สบายตัว มีอาการปวดท้อง ร้องงอแงไม่ทราบสาเหตุ ท้องอืดบวม ถ่ายมีเลือดปนแนะนำให้พาเด็กมาตรวจระบบทางเดินอาหาร พบแพทย์เพื่อซักประวัติ ตรวจอุจจาระ ตรวจภายในทวารหนักอย่างละเอียด หรือถ้ามีโรคทางเดินอาหารอื่นร่วมด้วย อาจจะมีการตรวจแบบส่องกล้องทางเดินอาหาร โดยการใช้กล้องที่มีสายยาวสอดเข้าไปทางปากหรือทวารหนัก โดยแบ่งเป็นการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบนเพื่อตรวจดูหลอดอาหาร กระเพาะ และลำไส้เล็กส่วนต้น ใช้เวลาตรวจประมาณ 10 นาที และส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนล่างเพื่อตรวจดูลำไส้เล็กส่วนปลาย ลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก ใช้เวลาตรวจประมาณ 30-60 นาที นอกจากนี้ยังมีการส่องกล้องด้วยวิธีกลืนแคปซูลทางปากสำหรับตรวจวินิจฉัยบริเวณลำไส้เล็กส่วนกลาง โดยปกติใช้เวลาตรวจประมาณ 8-12 ชั่วโมง ซึ่งบอกได้ถึงพยาธิสภาพ ภายในทางเดินอาหารทั้งหมด
การตรวจดังกล่าวเป็นการตรวจวินิจฉัยในเด็กโดยเฉพาะ โดยให้เด็กหลับ เพื่อลดความกลัว ไม่เจ็บ เป็นการช่วยแก้ไขปัญหา หาสาเหตุ เพื่อการรักษาแบบตรงจุดที่สุด
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการขับถ่ายของเด็ก ๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการขับถ่ายจะส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกายภายในเกือบทั้งหมด ดังนั้นหากพบว่าลูกมีอาการ ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูกเรื้อรัง ถ่ายมีเลือดปนในอุจจาระ ร้องงอแง อาเจียน นอนไม่หลับ อย่าปล่อยไว้ หรือซื้อยามาให้เด็กรับประทานเอง ควรพามาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและวางแผนรักษาที่ถูกต้อง
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่