ไขข้อข้องใจ ปัญหาหลังทำศัลยกรรม

ไขข้อข้องใจ ปัญหาหลังทำศัลยกรรม

HIGHLIGHTS:

  • ก่อนทำศัลยกรรมความงาม นอกจากการศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ พร้อมหาตัวอย่างมาปรึกษากับแพทย์เพื่อทำความเข้าใจที่ตรงกับความต้องการ การรู้ข้อจำกัดของผู้ที่ต้องการทำศัลยกรรม จะทำให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามที่ต้องการและเข้ากับตัวเองมากที่สุด
  • การศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า มีข้อจำกัดหลายประการ ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เป็นไปตามที่คาด เนื่องจากโครงสร้างใบหน้ามีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่ละวิธีสามารถจัดการปัญหาโครงสร้างใบหน้าเพียงบางช้ัน ผลลัพธ์อยู่ได้เป็นระยะเวลาจำกัด ต้องมีการทำซ้ำบ่อยๆ
  • การเสริมหน้าอกแบบแยกกล้ามเนื้อ (Muscle Splitting) โดยไม่ตัดกล้ามเนื้อจนขาดออกจากตำแหน่งยึดเกาะ สามารถป้องกันปัญหาซิลิโคนขยับ และป้องกันการเกิดรอยดึงรั้งของเนื้อหน้าอก เมื่อมีการออกแรงเกร็งกล้ามเนื้อ ส่งผลดีในระยะยาวและดูเป็นธรรมชาติ 

ปัญหาหลังทำศัลยกรรม ได้แก่

  1. การแก้ไขการทำศัลยกรรมตา
  2. แก้จมูก การแก้ไขการทำศัลยกรรมจมูก
  3. การศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า
  4. การทำศัลยกรรมหน้าอก

ปัจจุบันการทำศัลยกรรมความงามเข้าถึงง่ายและมีความปลอดภัย จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เป็นทางเลือกในการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้น่ามองและเสริมสร้างความมั่นใจ  นอกจากปัญหาโครงสร้างเดิมของแต่ละบุคคล ยังมีปัญหาความหย่อนคล้อยตามอายุที่จำเป็นต้องอาศัยการผ่าตัดเพื่อปรับแก้จุดบกพร่องให้ดูดีขึ้น ทั้งตา จมูก หน้าอก และใบหน้า 
อย่างไรก็ตามใช่ว่าการผ่าน “มีดหมอ” แล้ว ทุกคนจะสวยเหมือนกันหมด บางคนสวยแล้ว อยากดูดีขึ้นอีก บางคนทำแล้ว แต่ผิดหวัง หรือกระทั่งกลายเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข  
 

1. การแก้ไข การทำศัลยกรรมตา

การทำตาสองชั้น หรือการแก้ไขปัญหาตาตก แม้จะเป็นการศัลยกรรมผ่าตัดเล็ก ที่ไม่ต้องงดน้ำและอาหาร รวมถึงใช้เวลาผ่าตัดไม่นานมาก แต่การผ่าตัดให้ออกมาสวย แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูง
ปัญหาที่พบได้หลังการทำศัลยกรรมตาแล้วไม่สวยเหมือนที่ต้องการ ได้แก่ ชั้นตาเล็กหรือใหญ่ไป ชั้นตาไม่เท่ากัน  ผิดรูป รวมถึงหลังผ่าตัดแล้วพบปัญหาชั้นตาหลุด เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ  

สาเหตุของการแก้ตา

ปัญหาการทำตาสองชั้นหรือการแก้ไขปัญหาตาตก แล้วได้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามต้องการ นับเป็น ปัญหาที่พบได้บ่อย หลายคนทำตาแล้วรู้สึกไม่ชอบชั้นตา รู้สึกว่าชั้นตาไม่เข้ากับหน้า หรือแก้หนังตาแล้ว ตาไม่เท่ากัน มีสาเหตุ ดังนี้

  • ไม่ได้พูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดอย่างละเอียดทำให้มีความเข้าใจไม่ตรงกัน
  • แผลยังไม่หายดี แต่คนไข้อยากเห็นผลลัพธ์เร็ว
  • วิธีการผ่าตัดที่ไม่เหมาะกับปัญหา เช่น การทำตาสองชั้นแบบเย็บเป็นจุด โดยไม่ได้ตัดหนังตาส่วนเกินออก  หรือ ตัดหนังตาส่วนเกินออกไม่พอ เมื่อเวลาผ่านไป หนังตาเริ่มตกเบียดชั้นตา ส่งผลให้ชั้นตาหลุด 
  • ไม่ได้ตัดไขมันส่วนเกินออก หรือตัดน้อยหรือมากไป 
  • ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
  • ข้อจำกัดทางด้านโครงสร้างกระดูกรอบดวงตาของคนไข้

วิธีการแก้ไขปัญหาที่เกิดหลังการทำศัลยกรรมตา
นอกจากการทำความเข้าใจที่ตรงกับความต้องการของผู้ที่ต้องการทำศัลยกรรม ข้อจำกัด และคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากแล้ว การแก้ไขอื่นๆ สามารถทำได้ ดังนี้

  • ผู้ที่ต้องการทำศัลยกรรม ควรปฏิบัติตัวตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด พบแพทย์ตามนัด  
  • รอดูผลลัพธ์ที่แท้จริงตามระยะเวลา อาจต้องใช้เวลาประมาณ 2-4 เดือน หลังจากแผลผ่าตัดหายสนิท เปลือกตายุบบวม จะดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
  • เลือกเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ
  • ผู้ที่มีปัญหาจากภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง แพทย์อาจแก้ปัญหาด้วยการดึงกล้ามเนื้อตา เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของระดับกล้ามเนื้อตา ร่วมกับศัลยกรรมอื่นๆ 
  • ประเมินโครงสร้างโดยรวมทั้งใบหน้า ก่อนทำการแก้ไขเพื่อให้ทราบสภาพพื้นฐานเดิม คาดการณ์ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ และร่วมกันตัดสินใจ

2. แก้จมูก การแก้ไขการทำศัลยกรรมจมูก

การเสริมจมูก เป็นศัลยกรรมยอดนิยมโดยเฉพาะผู้ที่ต้องการมีจมูกโด่งสวย  แต่ก็เป็นการศัลยกรรมที่พบปัญหาตามมามากด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะปัญหาจมูกเบี้ยว เอียง อักเสบ หรือถึงขั้นปลายจมูกทะลุ เนื่องจากเนื้อบาง-ตึงเกินหรืออักเสบ รูปทรงจมูกไม่ตรงกับที่ต้องการ

สาเหตุของการแก้จมูก

  • ฐานจมูกเดิมมีความคดเอียง
  • การเลือกหรือการตัดแต่งแท่งซิลิโคนที่ไม่เหมาะสม 
  • การเลือกเทคนิคการผ่าตัดที่ไม่เหมาะสม
  • ได้รับการกระทบกระเทือนหลังผ่าตัด  
  • เคยมีการฉีดฟิลเลอร์ที่จมูกชนิดที่ไม่สามารถสลายได้เอง อาจทำให้ไหลไปยังบริเวณข้างเคียงจนทำให้จมูกเสียทรง อักเสบเรื้อรัง หรือ เกิดพังผืด
  • เคยมีการร้อยไหมเพื่อดึงจมูกให้โด่งขึ้นทำเกิดปัญหาพังผืด หากเสริมจมูกโดยไม่สามารถดึงไหมออกได้หมดอาจส่งผลให้จมูกเสียทรง

วิธีการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการทำศัลยกรรมจมูก
    ปัญหาจากการเสริมจมูกที่พบบ่อย ส่วนหนึ่งเกิดจากความคาดหวังของผู้ที่ต้องการทำศัลยกรรม รวมทั้งปัญหาใบหน้า 2 ข้างไม่เท่ากัน ผู้เข้ารับการผ่าตัดแก้ไขต้องทำความเข้าใจโครงสร้างจมูกเดิม คาดการณ์ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ และร่วมกันตัดสินใจ

  • กรณีเคยร้อยไหมหรือฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่สลายไปเอง ต้องแก้ไขโดยการผ่าตัดขูดเส้นไหมและฟิลเลอร์ที่หลงเหลืออยู่ออกให้หมดก่อนผ่าตัดเสริมจมูกใหม่อีกครั้ง
  • กรณีซิลิโคนเบี้ยวเอียงหรือเนื้อบาง เนื่องจากซิลิโคนที่ไม่เหมาะกับผู้ที่ทำศัลยกรรม สามารถแก้ไขด้วยการใช้วิธีผ่าตัดแบบปิด หรือเปิด (Close or Open Rhinoplasty) เพื่อนำซิลิโคนเก่าและเลาะพังผืดออก แล้วจึงใส่ซิลิโคนใหม่ที่เหมาะกับคนไข้ รวมทั้งต้องเสริมความแข็งแรงที่ปลายด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น กระดูกอ่อน หรือ หนังเทียม
  • กรณีซิลิโคนเบี้ยวเอียง หรือปลายจมูกทะลุ จากปัญหาโครงสร้างจมูกเดิมสามารถแก้ไขด้วยการใช้วิธีผ่าตัดแบบเปิด (Open Rhinoplasty) เพื่อนำซิลิโคนเก่าและเลาะพังผืดออก ปรับโครงสร้างกระดูกและกระดูกอ่อนทั้งหมด โดยต้องใช้เทคนิคพิเศษต่างๆ รวมทั้งใช้กระดูกอ่อนใบหู และกระดูกซี่โครงมาช่วยจัดแต่งโครงสร้างใหม่ทั้งหมด 

ข้อควรระวังหลังการทำศัลยกรรมจมูก

  • พักฟื้นตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด รับประทานยาและปฏิบัติตามแพทย์แนะนำ
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือกีฬาที่อาจทำให้เกิดแรงกระแทก ประมาณ 3 เดือน ซึ่งจมูกจะเข้าที่ประมาณ 1-6 เดือน หลังผ่าตัด
  • ปัญหาการอักเสบติดเชื้อ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกการผ่าตัด โอกาสติดเชื้อโดยทั่วไปจะน้อยกว่า 0.5%  อย่างไรก็ตามแพทย์มีการให้ยาต้านการอักเสบก่อนและหลังผ่าตัดทุกราย 

3. การศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า

นอกจากการมีผิวหน้าสวยใสแล้ว การมีใบหน้าเต่งตึงแม้กาลเวลาผ่านไปก็เป็นที่ต้องการใครหลาย ๆ คน ในปัจจุบันมีวิวัฒนาการยกกระชับใบหน้าหลากหลายวิธีให้เลือก เพื่อแก้ไขความหย่อนคล้อยให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ดังนี้

  • ฟิลเลอร์ นอกจากการเติมเต็มร่องแก้มแล้ว ยังเสมือนช่วยยกกระชับหน้าให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ การฉีดฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มชั้นโครงสร้างให้เต็มขึ้น ทำให้ช้ันผิวหน้ายกกระชับ สามารถแบ่งฉีดแก้ไขในแต่ละตำแหน่งของใบหน้าเป็นรอบๆ หรือฉีดให้เสร็จในครั้งเดียวเลยก็ได้ 
  • โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum toxin) ทำให้ริ้วรอยลดลง สามารถช่วยจัดแนวการดึงของกล้ามเนื้อใบหน้า ผิวหน้า ดูตึงกระชับขึ้นและเห็นแนวกรอบหน้าชัดขึ้น มี 2 เทคนิค ได้แก่
    • Dermolift เป็นการฉีดโบท็อกซ์เข้าชั้นผิวหนังเป็นจุดเล็กๆ หลายๆ จุด บริเวณด้านข้างของใบหน้าตามแนวกรอบหน้าเพื่อให้เซลล์ผิวหนังหดตัว ทำให้ผิวกระชับขึ้น 
    • Nefertiti lift เป็นการฉีดโบท็อกซ์เข้ากล้ามเนื้อใบหน้าส่วนล่างและลำคอ ทำให้กรอบหน้าดูชัดขึ้น
  • ร้อยไหม เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาแก้มและมุมปากหย่อนคล้อย ไม่เห็นแนวกรอบหน้ารวมถึงสามารถยกคิ้วและหนังตาได้  ซึ่งปัจจุบันนิยมไหมแบบที่มีเงี่ยงไม่ใช่ไหมเรียบ เนื่องจากเมื่อใส่ไหมเข้าไปใต้ผิวในชั้นไขมัน ตัวเงี่ยงไหมจะเกี่ยวเนื้อเยื่อที่ดูหย่อนแล้วดึงย้ายตำแหน่งให้เกิดการยกกระชับขึ้น เห็นผลทันทีหลังทำ ใบหน้าดูยกกระชับขึ้นตามแนวไหม ทั้งนี้ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวในตำแหน่งที่มีไหมอยู่ สำหรับปัญหาที่พบจากการร้อยไหม เช่น มีรอยเขียวช้ำ บวม และมองเห็นริ้วไหมในช่วงแรก ซึ่งใบหน้าจะดูธรรมชาติขึ้นเมื่อผ่านไป 2-4 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม วิธีการข้างต้นมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ผลลัพ์ที่ได้อาจไม่เป็นไปตามที่คาด เนื่องจากโครงสร้างใบหน้ามีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่ละวิธีสามารถจัดการปัญหาโครงสร้างใบหน้าเพียงบางช้ัน ผลลัพธ์อยู่ได้ในระยะเวลาจำกัด ต้องมีการทำซ้ำบ่อยๆ เป็นต้น

การผ่าตัดดึงหน้า (Facelift) 
เป็นการทำศัลยกรรมเพื่อปรับโครงสร้างของกล้ามเนื้อ ชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อและชั้นไขมันที่หย่อนคล้อยให้กลับไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ที่สำคัญ คือ สามารถตัดผิวหนังส่วนเกินออกเพื่อให้ผิวตึงกระชับ ลดริ้วรอย เรียบเนียนขึ้นและดูเป็นธรรมชาติ การผ่าตัดดึงหน้า เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาใบหน้ามีริ้วรอย หย่อนคล้อย หรือต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ 

ข้อดีของการผ่าตัดดึงหน้า คือ ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน คาดหวังได้ และได้ผลดีเป็นระยะเวลายาวนาน สามารถช่วยแก้ไขโครงสร้างใบหน้าได้พร้อมกันทุกชั้น

การยกกระชับใบหน้า ด้วยวิธีต่างๆ ที่กล่าวมานี้ อาจก่อให้เกิดปัญหาไม่พึงประสงค์ได้ โดยสาเหตุหลักๆ คือ การเลือกวิธีการรักษาที่ไม่เหมาะกับปัญหาคนไข้ ส่วนสาเหตุอื่นๆ ได้แก่     

  • ไม่ได้พูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดอย่างละเอียด ทำให้มีความเข้าใจไม่ตรงกัน
  • แผลยังไม่หายดี แต่คนไข้อยากเห็นผลลัพธ์เร็ว
  • ข้อจำกัดทางด้านโครงสร้างกระดูก ใบหน้าของคนไข้

วิธีการแก้ไข ปัญหาที่เกิดจากการผ่าตัดดึงหน้า
นอกจากการทำความเข้าใจให้ตรงกับความต้องการของผู้ที่ต้องการทำการผ่าตัดดึงหน้า ข้อจำกัด และคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากแล้ว การแก้ไขอื่นๆ สามารถทำได้ ดังนี้

  • ผู้ที่ต้องการทำศัลยกรรม ควรปฏิบัติตัวตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด พบแพทย์ตามนัด  
  • รอดูผลลัพธ์ที่แท้จริงตามระยะเวลา อาจต้องใช้เวลาประมาณ 2-4 เดือน
  • เลือกเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ
  • ประเมินโครงสร้างโดยรวมทั้งใบหน้า ก่อนทำการแก้ไขเพื่อให้ทราบสภาพพื้นฐานเดิม และคาดการณ์ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ และร่วมกันตัดสินใจ

ข้อควรระวังก่อนการผ่าตัดดึงหน้ามีดังนี้

  • ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ควรลดน้ำหนักก่อนการผ่าตัดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • โรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามในการผ่าตัด เช่น โรคที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (Hemophilia) โรคหนังยืดผิดปกติ (Ehlers-Danlos Syndrome) 
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ต้องควบคุมอาการได้ดีก่อนการผ่าตัด    
  • ผู้มีประวัติแผลเป็นประเภทคีลอยด์   
  • กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร 
  • ผู้ที่ฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ร้อยไหมบริเวณใบหน้า ควรเว้นระยะเวลาก่อนผ่าตัด 3-6 เดือน   
  • ผู้ที่ทำเลเซอร์ ควรเว้นระยะเวลา 4 สัปดาห์ ก่อนการผ่าตัดดึงหน้า 
  • ผู้ที่สูบบุหรี่ ควรงดก่อนและหลังผ่าตัดอย่างน้อย 4 สัปดาห์ 

4. การทำศัลยกรรมหน้าอก

การทำศัลยกรรมหน้าอกช่วยแก้ปัญหาผู้มีหน้าอกเล็กที่ต้องการเพิ่มขนาด และผู้มีหน้าอกใหญ่จนเกินไปและต้องการให้หน้าอกมีขนาดพอดี รวมถึงช่วยยกกระชับ ปรับสภาพหน้าอกหย่อนคล้อย หน้าอกห่างหรือแคบให้ดูเป็นธรรมชาติ  
การเสริมหน้าอกสามารถทำได้ด้วยการใช้ถุงเต้านมเทียมหรือการฉีดไขมันของตนเอง มาตรฐานในปัจจุบัน คือ การใช้ถุงเต้านมเทียมประเภทซิลิโคน และอาจพิจารณาร่วมกับการฉีดไขมัน เพื่อตกแต่งรูปทรงของทรวงอกให้ดูมีความเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะในผู้ที่มีรูปร่างผอมบาง ซึ่งต้องได้รับการปรึกษาให้เข้าใจถึงผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ของการฉีดไขมัน

เทคนิคการเสริมหน้าอก
การเสริมหน้าอกมีการวางซิลิโคน 2 แบบ คือ ใส่ไว้เหนือกล้ามเนื้อ กับใต้กล้ามเนื้อ ซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน แต่ในปัจจุบันได้พัฒนาการผ่าตัดที่ทันสมัยและให้ผลดีขึ้น ได้แก่

  • การวางซิลิโคนแบบกึ่งใต้กล้ามเนื้อ (Dual Plane) เป็นการรวบรวมจุดเด่นของแบบเหนือกล้ามเนื้อและใต้กล้ามเนื้อเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นการวางซิลิโคนไว้ใต้กล้ามเนื้อบางส่วนโดยวางด้านบนซิลิโคนให้อยู่ใต้กล้ามเนื้อ และส่วนล่างของซิลิโคนอยู่เหนือกล้ามเนื้อ ผลลัพธ์หลังการทำศัลยกรรมแบบนี้จะช่วยให้ไม่เห็นขอบซิลิโคน ทำให้สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงยังช่วยลดการเกิดพังผืดได้ดี 
  • อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดแบบ Dual plane นี้ เป็นการตัดกล้ามเนื้อจนขาดออกจากตำแหน่งยึดเกาะ ทำให้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลงและอาจเกิดปัญหาการยึดเกาะของกล้ามเนื้อในตำแหน่งใหม่ทำให้เกิดการขยับของซิลิโคน และเห็นรอยดึงรั้งของเนื้อหน้าอกจากภายนอกเมื่อมีการออกแรงเกร็งกล้ามเนื้อ หรือออกกำลังกาย ปัจจุบันมีการพัฒนาการผ่าตัดวางซิลิโคนแบบกึ่งใต้กล้ามเนื้อแบบใหม่ ได้แก่ เสริมหน้าอกแบบแยกกล้ามเนื้อ (Muscle Splitting) การผ่าตัดแยกกล้ามเนื้อครึ่งบนเป็นคล้ายกระเป๋าใต้กล้ามเนื้อ สำหรับซ่อนขอบของซิลิโคน  โดยไม่ตัดกล้ามเนื้อจนขาดออกจากตำแหน่งยึดเกาะ สามารถป้องกันปัญหาซิลิโคนขยับ และ ป้องกันการเกิดรอยดึงรั้งของเนื้อหน้าอกเมื่อมีการออกแรงเกร็งกล้ามเนื้อ ส่งผลดีในระยะยาวและดูเป็นธรรมชาติ 

เทคนิคการผ่าตัดยกกระชับหน้าอก 

  • เทคนิครูปเสี้ยวพระจันทร์ (Crescent)  เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกคล้อยเพียงเล็กน้อย  หัวนมอยู่ต่ำกว่าระดับมาตรฐานน้อยกว่า 1 ซม. เป็นการผ่าตัดโดยตัดขอบของลานนมเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์ จากนั้นยกตำแหน่งของหัวนมขึ้นได้ ประมาณ 1 ซม. เทคนิคนี้ไม่สามารถลดขนาดลานนมได้
  • เทคนิคโดนัท (Donut) เหมาะกับผู้มีหน้าอกคล้อยระดับปานกลาง  หัวนมอยู่ต่ำกว่าระดับมาตรฐาน ประมาณ 1 - 3ซม. การตัดผิวหนังรอบลานนมเป็นรูปโดนัทแล้วเย็บเข้าหาหัวนมให้ดูกระชับขึ้น สามารถลดขนาดลานนมให้เล็กลงได้โดยแผลบริเวณรอบลานนมจะเห็นไม่ชัด
  • เทคนิคแผลแนวตั้ง (Lollipop หรือ Vertical) เหมาะกับผู้มีหน้าอกคล้อยมาก โดยระดับของหัวนมต่ำกว่าราวนม ประมาณ 2-3 ซม. จำเป็นต้องตัดผิวหนังส่วนเกินออกและเลื่อนหัวนมให้สูงขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังของหน้าอกด้านนอกและด้านในถูกขยับมาอยู่ตรงกลาง หน้าอกจึงถูกยกขึ้นไป ส่วนบนของหน้าอกและหัวนมไม่แบนและดูสวยงาม
  • เทคนิคแบบรูปสมอ (Wise pattern) เหมาะสำหรับผู้ที่มีเต้านมขนาดใหญ่หรือหย่อนคล้อยมาก หัวนมต่ำกว่าราวนมมากกว่า 3 ซม. เป็นการผ่าตัดแผลจากหัวนมลงมาเป็นแนวตั้งถึงใต้ราวนม จากนั้น เปิดแผลบริเวณใต้ราวนม เพื่อตัดเนื้อส่วนเกินออก แล้วเก็บเนื้อหน้าอกเข้าบริเวณใต้ราวนม และย้ายหัวนมให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
    **การผ่าตัดยกกระชับหน้าอกทุกแบบสามารถทำร่วมกับการเสริมหน้าอกได้เพื่อให้ได้เนินอกที่อิ่มเต็มสวยงาม

การทำศัลยกรรมหน้าอก เป็นการผ่าตัดที่ต้องมีการพิจารณาโครงสร้างเดิมของผู้เข้ารับการศัลยกรรมอย่างละเอียด มีแผนการผ่าตัดที่เหมาะสม รวมทั้งการเลือกเทคนิคการผ่าตัด และการเลือกชนิดถุงเต้านมเทียมอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาต่อเนื่องตามมา
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีผู้ให้บริการการผ่าตัดชนิดนี้เป็นจำนวนมาก ย่อมเกิดปัญหาตามมาได้มากเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น หน้าอกไม่เท่ากัน หน้าอกห่างเกินไป หน้าอกชิดเกินไป ซิลิโคนเลื่อนจากตำแหน่งที่เหมาะสม หน้าอกหย่อนคล้อยซ้ำอย่างรวดเร็วหลังจากการผ่าตัด แผลเป็นที่ไม่สวยงามและปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย

คำแนะนำที่ดีที่สุด คือ พิจารณาเลือกศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ การทำนัดเข้าไปปรึกษาเพื่อขอคำแนะนำและรายละเอียดการผ่าตัด ทำให้เรามีโอกาสได้ซักถามปัญหา และวิธีแก้ไขแบบต่างๆ จนเข้าใจ  เมื่อมั่นใจแล้วจึงตัดสินใจเข้ารับการรักษา

การทำศัลยกรรมเสริมความงามเป็นการผ่าตัดเพื่อเพิ่มความสวยงามให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพและความมั่นใจ สิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับความพึงพอใจและความจำเป็นเฉพาะบุคคล ดังนั้น ควรเลือกสถานพยาบาลที่เชื่อถือได้ รวมถึงแพทย์ที่มีประสบการณ์ และทำความเข้าใจถึงข้อจำกัด ความคาดหวัง และผลลัพธ์ รวมถึงการปฏิบัติตัวก่อนและหลังผ่าตัด 
 

 

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?