CAR T-Cell มิติใหม่การรักษามะเร็ง

CAR T-Cell มิติใหม่การรักษามะเร็ง

Highlight:

  • ปัจจุบันสมิติเวชสามารถรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยกระบวนการรักษาใหม่ทางพันธุวิศวกรรม ที่เรียกว่า CAR T-Cell โดยสามารถนำมาใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิด ที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการปกติ
  • CAR-T cell เป็นกระบวนการนำเลือดจากคนไข้หรือผู้บริจาค ไปผ่านกระบวนการพันธุวิศวกรรม เพื่อสร้างเซลล์ที่มีความสามารถในการทำลายเซลล์มะเร็งกลับเข้าไปในร่างกายผู้ป่วย
  • การรักษาโรคมะเร็งด้วย CAR T-Cell ที่ผลิตในประเทศไทยสามารถช่วยลดค่ารักษาให้ผู้ป่วยจากเดิมลงได้ถึงกว่า 5 เท่าตัวเมื่อเทียบกับค่ารักษาด้วยเซลล์จากต่างประเทศ

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) และโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิด (B cell type Leukemia) ที่เกิดกับเด็กๆ เป็นเรื่องที่พ่อแม่กังวลอย่างมาก เพราะการรักษาต้องใช้ทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ เลือกโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการดูแลสูง รวมถึงจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานและมีค่าใช้จ่ายที่สูง เนื่องด้วยต้องผ่านกระบวนการรักษาที่ต้องพึ่งพาห้องปฏิบัติการณ์ในต่างประเทศ แต่ในปัจจุบันทีมแพทย์ไทยได้ร่วมกันทำการวิจัยและคิดค้นแนวทางการรักษาผู้ป่วยเด็กกลุ่มนี้ด้วย CAR T-Cell โดยใช้ห้องปฏิบัติการณ์ของประเทศไทย รวมถึงทีมแพทย์ไทยที่มีประสบการณ์สูงและเป็นที่ยอมรับจากวงการแพทย์ไทยและต่างประเทศ

CAR T-Cell คืออะไร

Chimeric antigen receptor (CAR) T-cell therapy ทางเลือกใหม่ของการรักษาโรคมะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันโดยการใช้ T-Cell ซึ่งเป็นชนิดของเม็ดเลือดขาวแบบหนึ่ง วิธีนี้สามารถรักษาได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เป็นการรักษาด้วยแนวทางพันธุวิศวกรรม โดย ศาสตราจารย์นายแพทย์สุรเดช หงส์อิง กุมารแพทย์โรคมะเร็งในเด็ก รพ.เด็กสมิติเวช ได้ร่วมคิดค้นการรักษากับภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) นับเป็นผลงานของคนไทยที่ได้มาตรฐานสากลแห่งแรกในอาเซียน ไม่ต้องรอเวลาการส่งเลือดเพื่อไปทำการผลิต CAR T-cell ถึงต่างประเทศอีกต่อไป 

ภาวะปกติร่างกายคนเราจะมีระบบภูมิคุ้มกันที่คอยจดจำสิ่งแปลกปลอมในร่างกายโดยการค้นหาโปรตีนที่เรียกว่าแอนติเจนบนผิวของเซลล์เหล่านั้น เซลล์มีโปรตีนของตัวเองที่เรียกว่ารีเซพเตอร์ซึ่งจับกับแอนติเจนแปลกปลอมและช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำลายสารแปลกปลอมนั้น เช่นเดียวกับเซลล์มะเร็งที่ก็มีแอนติเจนเช่นกัน แต่ถ้าเซลล์ภูมิคุ้มกันของเราไม่มีตัวรับที่เหมาะสม ก็จะไม่สามารถจับกับแอนติเจนและไม่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้

Chimeric antigen receptor (CAR) T-cell เซลล์จะถูกนำมาจากเลือดและมีการเปลี่ยนแปลงในห้องทดลองโดยการเพิ่มยีนสำหรับตัวรับ (เรียกว่า chimeric antigen receptor หรือ CAR) ซึ่งช่วยให้ T-cell จับกับแอนติเจนของเซลล์มะเร็งที่เฉพาะเจาะจง มะเร็งก็จะถูกทำลายไป แต่เนื่องจากมะเร็งแต่ละชนิดมีแอนติเจนที่แตกต่างกัน CAR T Cell แต่ละชนิดจึงถูกสร้างขึ้นสำหรับแอนติเจนของมะเร็งที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น ในมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือมะเร็งต่อมน้ำเหลืองบางชนิด เซลล์มะเร็งมีแอนติเจนที่เรียกว่า CD19 การบำบัดด้วย CAR T-cell เพื่อรักษามะเร็งเหล่านี้ จึงทำขึ้นเพื่อจับกับแอนติเจน CD19

CAR T-Cell ใช้รักษาโรคมะเร็งชนิดใดบ้าง

การบำบัดด้วยเซลล์ CAR T-cell ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ในการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) และมะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิด (B cell type Leukemia) ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด multiple myeloma ในผู้ใหญ่

โดยหลักการสำคัญของวิธี CAR T-cell คือ เราดัดแปลง T-cell โดย T-cell ที่นำมาใช้ในการผลิต CAR T-cell ได้จากการนำเม็ดเลือดขาวของพ่อ แม่ พี่น้อง หรือของตัวผู้ป่วย มาผ่านกระบวนการทางพันธุวิศวกรรม ดัดแปลง T-cell ซึ่ง T-cell ที่ถูกแยกออกจะส่งไปยังห้องปฏิบัติการ และแก้ไขโดยการเพิ่มยีนสำหรับตัวรับไคเมอริกแอนติเจน (CAR) ที่จำเพาะให้สร้างซึ่งคล้ายกับเครื่องตรวจจับติดอาวุธ เมื่อ CAR T-cell เจอกับเซลล์มะเร็ง จึงจดจำและกำจัดเซลล์มะเร็งที่จำเพาะเหล่านั้นได้ ซึ่งเป็นแนวทางเช่นเดียวกับการรักษาของบริษัทยาข้ามชาติ แต่เป็นฝีมือของทีมแพทย์ไทย ที่มีประสบการณ์ยาวนาน ผ่านการรับรองในวงการแพทย์ทั้งในและต่างประเทศ

กระบวนการรักษาด้วย CAR T-Cellสำหรับการรักษาด้วยกระบวนการพันธุวิศวกรรม CAR T-cell มีดังนี้

  • เตรียมตัวผู้ป่วยประมาณ 3 - 4 สัปดาห์ 
  • นำเม็ดเลือดขาวของพ่อแม่พี่น้องสายตรง ที่ได้จากการเก็บด้วยวิธี leukapheresis โดยใช้เวลาประมาณ 2 ถึง 3 ชั่วโมง จากนั้นนำ T-cell  ที่ได้มาทำกระบวนการทางพันธุวิศวกรรม
  • ผู้ป่วยจะมีการให้เคมีบำบัดแบบเบาก่อนให้ CAR T-cell เพื่อช่วยลดจำนวนเซลล์ภูมิคุ้มกันอื่นๆ โดยขั้นตอนนี้จะทำให้ CAR T-cell ทำงานเพื่อต่อสู้กับมะเร็งได้ดีขึ้น
  • นำ CAR T-cell ที่ผลิตได้ให้กับผู้ป่วย 
  • ผู้ป่วยพักฟื้นอยู่ในศูนย์ปลูกถ่ายไขกระดูก ประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ 

ข้อดีของการบำบัดด้วย CAR T-Cell

การรักษาด้วย CAR T-cell ในประเทศไทย นอกจากมีประสิทธิภาพในการรักษาสูงแล้ว ยังเป็นการรักษาที่สามารถช่วยลดเรื่องค่าใช้จ่ายให้กับผู้ป่วยได้อย่างมาก เนื่องด้วยเป็นการรักษาด้วยฝีมือของวงการแพทย์ไทย ทุกกระบวนการรักษารวมถึงห้องปฏิบัติการณ์ที่ได้มาตรฐานในประเทศไทย สามารถช่วยลดค่ารักษาให้กับครอบครัวผู้ป่วยจากเดิมลงได้ถึงกว่า 5 เท่าตัว และเป็นการรักษาในครั้งเดียว เพราะก่อนหน้านี้การรักษาที่ต้องใช้ห้องปฏิบัติการณ์ในต่างประเทศจึงทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงมาก

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการให้ CAR T-cell

การรักษาด้วย CAR T-cell สามารถได้ผลดีมากกับมะเร็งที่รักษายากบางชนิด แต่บางครั้งก็สามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง ด้วยเหตุนี้ จำเป็นต้องให้ในศูนย์การแพทย์ที่ได้รับการฝึกอบรมเป็นพิเศษในการให้การรักษา และผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดหลังจากได้รับเซลล์ CAR T-cell โดยผลข้างเคียงที่พบได้ เช่น

  • มีไข้สูง หนาวสั่น
  • หายใจลำบาก หายใจเหนื่อย หัวใจเต้นเร็ว
  • คลื่นไส้ อาเจียน และ/หรือ ท้องเสียอย่างรุนแรง
  • รู้สึกวิงเวียนหรือหน้ามืด
  • ปวดหัว สับสน มีอาการชัก
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหรือข้อ
  • อาการแพ้ระหว่างการให้เซลล์
  • ระดับเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ จำนวนเม็ดเลือดต่ำ 

ซึ่งแพทย์และทีมผู้ดูแลที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษ และมีประสบการณ์ในการรักษาด้วย CAR T-cell จะสามารถทราบอาการดังกล่าวได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และสามารถรักษาได้ทันท่วงที

ความสำเร็จของการรักษาด้วย CAR T-Cell

ปัจจุบันในต่างประเทศพบว่าผลการรักษาด้วย CAR T-cell ของผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการรักษาดีนั้น ให้ผลการรักษาดีกว่ากระบวนการรักษาเดิมที่เคยทำมาถึง 70% ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทย ศาสตราจารย์นายแพทย์สุรเดช หงส์อิง ได้นำแนวทาง CAR T-Cell มาใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งแล้วทั้งสิ้น 10 ราย โดยเป็นผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็ง 7 ราย* 

ศาสตราจารย์นายแพทย์สุรเดช หงส์อิง มีประสบการณ์รักษาผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งมาแล้วกว่าพันคน พร้อมผลงานวิจัยและผลงานตีพิมพ์การแพทย์มากมาย จึงทำให้มั่นใจได้ว่า การรักษาโรคมะเร็งด้วยกระบวนการ CAR T-Cell ในประเทศไทย จะสามารถทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งและครอบครัว ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน ทั้งเรื่องของผลการรักษารวมถึงค่าใช้จ่าย

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?