จากงานวิจัยของศูนย์การแพทย์ทางทหารเบอร์มิ่งแฮม (Birmingham) รัฐอลาบามา พบว่าอาสาสมัคร 22% ของกลุ่มคนที่สูบบุหรี่มีภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดโรคเบาหวาน และ 17% ของกลุ่มอาสาสมัครที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลย แต่ได้รับควันบุหรี่เสมอๆ เริ่มจะมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่เคยสูบบุหรี่ และเลิกสูบไปแล้วกลับมีแค่เพียง 14% ส่วนกลุ่มที่ไม่สูบบุหรี่และไม่ได้รับควันสูบบุหรี่เลย มีเพียง 11.5%
จากผลการวิจัยนี้เองทำให้เห็นว่าบุหรี่และควันบุหรี่มีผลต่อน้ำตาลในเลือดและโรคเบาหวาน เนื่องจากสารพิษในบุหรี่ สามารถเข้าไปสะสมอยู่ที่ตับอ่อน ทำให้ตับอ่อนทำงานได้น้อยลง จนเกิดเป็นโรคเบาหวาน
นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่สูบบุหรี่มีแนวโน้มควบคุมโรคได้ยากและเกิดปัญหากับการใช้อินซูลินมากกว่าผู้ป่วยที่ไม่สูบบุหรี่ รวมถึงเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคร้ายแรงอื่นๆ เช่น โรคไต ปลายประสาทอักเสบ และเบาหวานขึ้นตา แพทย์จึงมักแนะนำให้ผู้ป่วยเลิกสูบบุหรี่ รับประทานอาหารไขมันต่ำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รวมถึงรับประทานยาและพบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ เพื่อช่วยลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
นอกจากโรค ที่เกิดจากการสูบบุหรี่แล้ว โทษของบุหรี่ยังมีอีกมากมาย ส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางร่างกายต่างๆ เช่น ฟันผุ ฟันมีคราบดำ มีกลิ่นปาก กลิ่นตัว เล็บเหลือง ทำให้ผิวหยาบกร้าน ผมหงอก และแก่ก่อนวัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเข้าสังคมและการใช้ชีวิตประจำวัน จนอาจต้องประสบกับภาวะซึมเศร้า หรือประสบกับโรคที่อาจคร่าชีวิตได้ในที่สุด