โดยธรรมชาติ เมื่อทารกอายุประมาณ 6 – 8 สัปดาห์ จะร้องไห้โดยเฉลี่ยวันละ 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นเมื่ออายุ 10 – 12 สัปดาห์ ทารกจะร้องไห้น้อยลงเหลือประมาณวันละ 1 ชั่วโมง ซึ่งการร้องไห้นี้ไม่ส่งผลเสียใดๆ ต่อร่างกาย หรือพัฒนาการของทารก การร้องลักษณะนี้เราเรียกว่า โคลิก (Colic)
ปัญหาทารกร้องไห้ อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่และผู้เลี้ยงดู เกิดความวิตกกังวลไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะทารกนั้นยังพูดไม่ได้ ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอะไรหรือต้องการอะไร ลองมาดูกันว่าสาเหตุที่ทารกร้องไห้และคุณพ่อคุณแม่จะรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างไรกันค่ะ
เป็นสาเหตุอันดับแรกที่คุณแม่ทุกคนคิดถึง เนื่องจากทารกที่กินนมแม่นั้น นมแม่จะย่อยง่าย จึงทำให้ทารกหิวบ่อย คุณแม่ควรให้นมลูกทุก 2 – 3 ชั่วโมงและสังเกตอาการหลังกินนมว่าลูกดีขึ้นหรือไม่ หยุดร้องหรือเปล่า หากหยุดร้องก็แสดงว่ามาถูกทางแล้วค่ะ
อาจจะเกิดจากหลายสาเหตุเช่น
หากลูกร้องควรดูผ้าอ้อมก่อนทุกครั้งว่าเปียกแฉะ ทำให้ลูกไม่สบายตัวหรือไม่
เด็กบางคนง่วงนอน แต่ก็ไม่ยอมหลับ เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยให้หลับ ยิ่งง่วงแล้วไม่หลับ ก็ทำให้ลูกเหนื่อย และร้องไห้มากได้
สังเกตได้จากเด็กมีอาการตัวร้อน วัดไข้ด้วยปรอทวัดไข้พบว่ามีไข้ ในกรณีที่
หรือมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่น ซึม กินได้น้อย อาเจียน ท้องเสีย ไอ น้ำมูก ให้รีบพามาพบแพทย์บางครั้งอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นของลูกน้อย อาจเกิดจากสภาพแวดล้อมที่ร้อนเกินไป การห่อตัวหนา หรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก ก็ได้
ทั้งนี้พื้นฐานทางอารมณ์ของทารกแต่ละคน ก็มีความสำคัญและส่งผลต่อการร้องไห้ของลูกน้อยได้ โดยพบว่าพื้นฐานทางอารมณ์ของทารกมีความแตกต่างกันนั้นส่วนนึงเป็นผลจากพันธุกรรม และสภาพแวดล้อมที่อยู่ในครรภ์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ
พื้นฐานทางอารมณ์ กลุ่มเลี้ยงยาก ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทารกร้องไห้มาก คุณพ่อคุณแม่ควรมีความอดทน และตอบสนองลูกน้อยอย่างเหมาะสม ลูกก็จะปรับตัวได้ดีขึ้นต่อไป
ที่สำคัญหากสงสัยว่ามีความผิดปกติของร่างกาย เช่น สงสัยปวดท้อง มีการถ่ายอุจจาระผิดปกติ อาเจียนพุ่ง หูอักเสบ มีไข้ ซึม กินได้น้อย ควรรีบมาพบแพทย์นะคะ
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่