ทอฟฟี่ของโปรดเด็กๆ กินได้แต่ต้องเลือก

ทอฟฟี่ของโปรดเด็กๆ กินได้แต่ต้องเลือก

HIGHLIGHTS:

  • จากสถิติสภาวะทันตสุขภาพของไทย พบว่าทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีภาวะฟันผุมากถึง 70 % เนื่องจากการบริโภคอาหาร การกินขนม นม เนย โดยเฉพาะการอม ทอฟฟี่ นอกจากนี้ทอฟฟี่ยังก่อให้เกิดโรคอ้วนและขาดสารอาหารได้อีกด้วย
  • การให้เด็กกินทอฟฟี่ต้องใส่ใจในรายละเอียด อ่านฉลาก ดูส่วนผสมของทอฟฟี่ ปริมาณน้ำตาลไม่ควรเกิน 12 กรัม
  • ขนมหรือของว่างสำหรับเด็ก ๆ ควรเลือกที่ไม่หวานเกินไป ปริมาณเกลือต่ำ กากใยสูง  ปราศจากไขมันทรานส์ ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ขนมปังกรอบโฮลวีทไม่ใส่น้ำตาล ผลไม้สดหรืออบแห้ง

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าของหวานๆ กับเด็กๆ เป็นของคู่กัน

โดยเฉพาะ ทอฟฟี่ ที่มีทั้งสีสันสดใสและรสหวานถูกใจ  ผู้ใหญ่หลายคนจึงมักชอบส่งทอฟฟี่ให้เด็ก ไม่ว่าจะเป็นเพราะอยากเห็นรอยยิ้ม ทนเสียงตื๊อไม่ไหว เพื่อให้เด็ก ๆ เชื่อฟังขึ้น ซนน้อยลง หรืออยากจะเป็นที่รักของเด็กๆ ก็ตาม  แต่การยื่นห่อสีสวยใส่มือเล็กๆ  นั้น กลับกลายเป็นการยื่นความอ้วน ฟันผุ และปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่อาจตามมาโดยไม่รู้ตัว

ทอฟฟี่ กินได้แต่ต้องเลือก

ในเมื่อแทบไม่สามารถแยกเด็กออกจากทอฟฟี่ได้ การให้เด็กกินทอฟฟี่จึงควรใส่ใจรายละเอียด ดังนี้

  • อ่านฉลาก

ดูส่วนผสมของทอฟฟี่ทุกครั้งก่อนซื้อ เปรียบเทียบปริมาณน้ำตาลจำนวนไม่ควรเกิน 12 กรัม รวมถึงเลือกที่มีส่วนผสมของธรรมชาติให้มากที่สุด เช่น เป็นสีปรุงอาหารที่รับประทานได้ หรือใช้สมุนไพรเพิ่มความหวาน

  • ทอฟฟี่ธรรมชาติ

เลือกทอฟฟี่ที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น น้ำตาลมะพร้าว นม  กล้วย หรือผลไม้ชนิดต่างๆ  แทนทอฟฟี่สีสดที่ทำจากสารสังเคราะห์

  • เลี่ยงทอฟฟี่แบบที่อมนาน

ปัจจุบันมีการผลิตทอฟฟี่หรือลูกอมชนิดที่ใช้อมระหว่างมื้ออาหาร และอมวันละหลายๆ ครั้ง  ซึ่งส่งผลเสียอย่างมาก เนื่องจากเป็นการเพิ่มเวลาและปริมาณน้ำตาลให้เชื้อจุลินทรีย์ใช้สร้างกรดซึ่งเป็นสาเหตุของฟันผุมากขึ้น

  • เลี่ยงทอฟฟี่เคี้ยวหนึบ

เนื่องจากลูกอมมีลักษณะเหนียวหนับ เมื่อเคี้ยวจะยิ่งติดฟันมากขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณซอกฟัน ซึ่งหากทำความสะอาดไม่ทั่วถึงอาจส่งผลเสียกับฟันมากขึ้น

  • จำกัดจำนวน

แม้จะเลือกทอฟฟี่ที่หวานน้อย หรือทำจากวัตถุดิบจากธรรมชาติ แต่ขึ้นชื่อว่าทอฟฟี่แล้วก็ย่อมมีความหวาน ดังนั้นควรมีการจำกัดการรับประทาน เช่น กินได้ครั้งละ 1-2 เม็ด หรือสามารถกินทอฟฟี่ได้เฉพาะในงานสำคัญ หรือเมื่อทำงานบางอย่างได้สำเร็จ 

  • กินเป็นเวลา

ไม่รับประทานทอฟฟี่ก่อนอาหาร เพราะจะทำให้อิ่มจนรับประทานข้าวไม่ได้  รวมถึงไม่กินในระหว่างวิ่งเล่น หรือนั่งรถเด็ดขาด เพราะเด็กอาจสะดุดล้มหรือสำลัก อาจทำให้ทอฟฟี่ติดคอ เป็นอันตรายได้

  • แปรงฟัน

ควรฝึกให้เด็กแปรงฟันทุกครั้งหลังกินทอฟฟี่ หรืออาหารหวานอื่นๆ เพื่อลดการสะสมของน้ำตาลในบริเวณซอกฟัน ซึ่งอาจส่งผลให้ฟันผุ

ผลเสียทอฟฟี่ต่อสุขภาพเด็กๆ

  • ฟันผุ

จากสถิติการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพของคนไทย พบว่าทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีภาวะฟันผุมากถึง 70 % ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญให้สูญเสียฟันมากที่สุด ซึ่งโรคฟันผุยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริโภคอาหาร โดยเฉพาะการกินขนม นม เนย ที่มีขายมากขึ้น โดยเฉพาะการอมทอฟฟี่ เนื่องจากทอฟฟี่มีปริมาณน้ำตาลมาก ซึ่งเป็นอาหารสำคัญในการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ หลังจากจุลินทรีย์ใช้น้ำตาลไปแล้วจะมีเปลี่ยนแปลงทางเคมี เกิดเป็นสารทำลายฟันนั่นเอง

  • โรคอ้วน

การกินน้ำตาลบ่อยๆ นอกจากจะทำให้ฟันผุแล้ว การบริโภคน้ำตาลปริมาณมากยังส่งผลให้เป็นเด็กอ้วนรวมถึงโรคอ้วนได้อีกด้วย โดยเฉพาะในเด็กที่ไม่ค่อยได้ขยับตัวออกกำลังกาย

  • ขาดสารอาหาร

ทางการแพทย์พบว่า หากร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป โดยเฉพาะก่อนอาหารจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นชั่วคราว ส่งผลให้ไม่หิว เด็กๆ จึงรับประทานอาหารได้น้อยลง รวมถึงปัญหาฟันผุทำให้เคี้ยวอาหารยากขึ้น เด็กๆ จึงขาดสารอาหาร

การจำกัดการกินทอฟฟี่ในเด็กให้น้อยลงสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้

  • ไม่ซื้อทอฟฟี่เป็นห่อหรือกล่องสะสมไว้ในบ้าน
  • ซื้อขนมหรือของว่างที่มีประโยชน์ไว้แทน โดยเลือกชนิดที่ไม่หวานเกินไป มีปริมาณเกลือต่ำ กากใยสูง ปราศจากไขมันทรานส์รวมถึงควรทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ  เช่น ขนมปังกรอบชนิดโฮลวีทไม่ใส่น้ำตาล
  • หาผลไม้สดหรือผลไม้อบแห้งที่ไม่หวานติดบ้านไว้

หากผู้ปกครองเลือกของว่างและขนมได้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้เด็กๆ ได้รับสารอาหารครบเพื่อการเจริญเติบโตที่แข็งแรงสมบูรณ์  และลดปัญหาฟันผุได้

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?