ด้วยการแพทย์ที่ทันสมัย ทำให้การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมประสบความสำเร็จอย่างสูง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาปวดเข่าเรื้อรัง หรือข้อเข่าที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เคยรักษาด้วยการรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือการรักษาด้วยวิธีทางเลือกอื่น แต่อาการไม่ดีขึ้น
การผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียม (Knee Replacement) คือ การผ่าตัดโดยการนำผิวกระดูกอ่อนที่เสื่อมสภาพออก จากนั้นจึงนำข้อเข่าเทียมซึ่งทำจากโลหะมาใส่แทน แล้วยึดด้วยซีเมนต์สำหรับกระดูกโดยมีโพลีเอทีลีนเป็นส่วนรองรับน้ำหนัก ทำให้ผู้ป่วยสามารถใช้งานเข่าได้ตามปกติภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน
1.ปวดเข่า โดยเฉพาะเมื่อเดินขึ้น-ลงบันได ผู้ที่มีอาการรุนแรงอาจปวดขณะนั่งหรือนอนด้วย
มีอาการเจ็บแปล๊บที่ข้อเข่าเวลาเดิน หรือขึ้น ลงบันได เวลาใส่ถุงเท้า รองเท้า หรือขณะลุกนั่ง และเวลานอน ไม่สามารถเดินได้ปกติ ต้องเดินโยกตัว
2.ข้อเข่าอักเสบ จนมีภาวะบวมแดง
มีความเจ็บปวดบริเวณข้อเข่าเป็นระยะเวลานาน เรื้อรังจนมีภาวะของอาการอักเสบแทรกซ้อน ทำให้บริเวณข้อเข่าเกิดภาวะบวมแดงร่วมด้วย หากมีอาการเช่นนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการรักษาโดยเร็วที่สุด
3.ข้อเข่าผิดรูป
ส่งผลต่อการเดินและความสมดุลของร่างกาย ทำให้มีอาการปวดหลังและอาการปวดร้าวลงสะโพกร่วมด้วย และภาวะข้อเข่าผิดรูปยังส่งผลทำให้ผู้ป่วยเดินตัวเอียงและกระดูกสันหลังเสื่อมตามมา ดังนั้นถ้าผู้ป่วยมีภาวะดังกล่าว การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม เป็นวิธีแก้ไขที่ต้นเหตุที่ดีที่สุด
4.ไม่สามารถงอหรือเหยียดเข่าได้สุด
มีอาการเวลาเดินทำให้ต้องกางขากว้างขึ้น กล้ามเนื้อรอบข้อลีบเล็กลง หรือลุกขึ้นจากท่านั่งจะมีอาการปวดที่รุนแรงร่วมด้วย
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม สามารถทำได้ในช่วงอายุที่หลากหลาย ขึ้นกับข้อบ่งชี้ โดยต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไปขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรค ซึ่งการผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมสามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
1.การเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมแบบทั้งหมด (Total Knee Replacement)
Total Knee Replacement เป็นการผ่าตัดโดยการตัดผิวข้อเข่าที่เสียหายของกระดูกส่วนปลายต้นขา (Femur) และส่วนบนของกระดูกหน้าแข้ง (Tibia) ทั้งด้านในและนอก (Medial and lateral compartment) ออกทั้งหมด จากนั้นจึงทำการแทนที่ด้วยผิวโลหะโดยใช้แผ่นโพลีเอทิลีนกั้น ซึ่งเป็นการรักษาที่ได้ผลดีมาก มักทำการผ่าตัดแบบนี้ในผู้ป่วยที่มีการทำลายของกระดูกอ่อนและเอ็นภายในข้อเข่าอย่างมากแล้ว ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอายุมาก (> 60ปี) มีแนวขาที่ผิดรูปร่วมด้วย ซึ่งการผ่าตัดจะสามารถแก้ไขได้ในคราวเดียวกัน
2.การผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมแบบเฉพาะฝั่ง (Unicompartmental Knee Replacement)
เป็นการผ่าตัดโดยการตัดผิวข้อเข่าที่เสียหายออก ทั้งกระดูกส่วนปลายต้นขา (Femur) และส่วนบนของกระดูกหน้าแข้ง (Tibia) เฉพาะด้านในหรือด้านนอก (Medial or lateral compartment) จากนั้นจึงทำการแทนที่ด้วยผิวโลหะโดยใช้แผ่นโพลีเอทิลีนกั้น มักทำในผู้ป่วยที่มีการทำลายของกระดูกยังไม่มากและเป็นเฉพาะฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เป็นการผ่าตัดที่สามารถเก็บผิวข้อเข่าส่วนที่ยังมีสภาพดีไว้ รวมถึงเส้นเอ็นภายในข้อเข่าให้อยู่ในสภาพเดิม ผู้ป่วยจึงสามารถใช้ข้อเข่าได้ใกล้เคียงข้อเข่าปกติมากที่สุด อีกทั้งยังสามารถลงเดินลงน้ำหนักได้หลังผ่าตัดเพียง 1-2 วัน
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาเปลี่ยนข้อเข่าให้เหมาะสม ขึ้นกับการวินิจฉัยสาเหตุ ระยะของพยาธิสภาพรวมถึงการประเมินช่วงการเคลื่อนไหว ความมั่นคง และความแข็งแรงของข้อเข่า นอกจากนี้การตัดสินใจเลือกรุ่นของข้อเข่าเทียมและเทคนิคการผ่าตัดยังต้องคำนึงถึง อายุ น้ำหนัก ระดับกิจกรรม รูปร่างของเข่าและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยอีกด้วย
เมื่อการผ่าตัดผ่านพ้นไป ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ โดยใช้ไม้ช่วยพยุงการเดินในช่วงแรกโดยเฉพาะผู้ป่วยสูงอายุ รวมถึงการจัดบ้านให้มีความเหมาะสมและปลอดภัย และพบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ เพื่อติดตามอาการและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อหลังการผ่าตัด ข้อเข่ายึดติดจนไม่สามารถงอเข่าหรือเคลื่อนไหวได้ลำบาก และข้อเข่าหลวมหลังจากการใช้งานไประยะหนึ่ง ดังนั้นการพบแพทย์ตามนัดหลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมถือเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อแก้ปัญหาภาวะเจ็บปวดบริเวณเข่า ซึ่งสร้างความทรมานและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อการรักษาด้วยยาหรือการรักษาด้วยทางเลือกอื่นๆ ไม่ได้ผลอีกต่อไป นอกจากนี้ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ ไม่ยอมผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม อาการบาดเจ็บอาจทำให้ถึงจุดที่ผู้ป่วยเดินไม่ไหวและมีความเจ็บปวดอย่างรุนแรง และในผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อปัญหาสุขภาพที่มีอยู่หลายอย่าง เช่น ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมหรือภาวะข้อเสื่อมในบริเวณอื่น ภาวะความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน
1.TKA กับ TKR ต่างกันอย่างไร
TKA: Total Knee Arthroplasty และ TKR: Total Knee Replacement ทั้ง 2 คำมีความหมายเดียวกันคือ การเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมแบบทั้งหมด ที่เป็นการผ่าตัดโดยการตัดผิวข้อเข่าที่เสียหายของกระดูกส่วนปลายต้นขา (Femur) และส่วนบนของกระดูกหน้าแข้ง (Tibia) ทั้งด้านในและนอก (Medial and lateral compartment) ออกทั้งหมด จากนั้นจึงทำการแทนที่ด้วยผิวโลหะโดยใช้แผ่นพลาสติกกั้น มักทำในผู้ป่วยที่มีการทำลายของกระดูกอ่อนและเอ็นภายในข้อเข่าอย่างมากแล้ว ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอายุมาก (> 60ปี) มีแนวขาที่ผิดรูปร่วมด้วย
2.ข้อเข่าเทียม มีอายุการใช้งาน นานกี่ปี
งานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารวิชาการ The Lancet ที่ได้ศึกษาเรื่อง How long knee or hip replacements last, and how their durability is affected by the person’s age at the time of surgery
3.การดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดเข่า ทำได้อย่างไรบ้าง
การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา การเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อขา และการเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวของข้อเข่าเทียม เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันให้ได้มากที่สุดเป็นสิ่งสำคัญ โดยอาจใช้ไม้ช่วยพยุงการเดินในช่วงแรกโดยเฉพาะผู้ป่วยสูงอายุ รวมถึงการจัดบ้านให้มีความเหมาะสมและปลอดภัย และพบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ เพื่อติดตามอาการและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า
ไม่แน่ใจว่าต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมหรือไม่ ทำนัดปรึกษาหมอออนไลน์ ผ่าน Video Call ก่อนได้ คลิกที่นี่
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่