โปรแกรม เจาะเลือดเพื่อตรวจหาโรคอัลไซเมอร์แฝง P-TAU ร่วมกับการวางแผนดูแลรักษาสุขภาพสมอง
ไม่ต้องรอแก่สมองก็เสื่อมได้!
จากสถิติพบคนวัย 40 - 50 ปี เป็นโรคอัลไซเมอร์แฝง
และยังเริ่มพบในคนอายุน้อยมากขึ้นถึง 6.9% ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน
ด้วยโปรแกรมการตรวจโรคอัลไซเมอร์แฝง P-TAU โดยการเจาะเลือด
พร้อมการวางแผนดูแลรักษาสุขภาพสมองที่สมิติเวช
สามารถตรวจพบล่วงหน้า ได้ถึง 10 ปี ผลวิเคราะห์แม่นยำ 94%* (Area under the ROC curve) ตรวจง่าย ปลอดภัย รู้ผลภายใน 90 วัน
*ROC : Receiver Operating Characteristics
โปรแกรม | ราคาโปรโมชั่น (บาท) |
โปรแกรม เจาะเลือดเพื่อตรวจหาโรคอัลไซเมอร์แฝง P-TAU ร่วมกับการวางแผนดูแลรักษาสุขภาพสมอง เป็นการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาระดับโปรตีน P-TAU ที่เป็นต้นเหตุก่อโรคอัลไซเมอร์ รายการตรวจ |
21,700 |
รับคูปองมูลค่า 1,000 บาท สำหรับ ซื้อวิตามินบำรุงสมอง สูตรเฉพาะบุคคล
ในแผนพัฒนาเชิงรุกสุขภาพสมองคนไทย สบายสมองอินิชิเอทิฟส์ โดยศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)
ผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมประมาณร้อยละ 70 เกิดจาก “โรคอัลไซเมอร์” นับเป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดของภาวะสมองเสื่อม โรคอัลไซเมอร์สามารถตรวจได้ก่อนมีอาการหลายปี ซึ่งในอดีตต้องใช้การตรวจ PET Scan หรือ ต้องเจาะหลังเพื่อเก็บตัวอย่างน้ำไขสันหลังมาตรวจหาโปรตีนก่อโรค โดยไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถตรวจโปรตีนเหล่านั้นได้จากเลือด ซึ่งเทคโนโลยีปกติจะไม่สามารถตรวจพบได้ ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น และ ผู้ป่วยเจ็บตัวน้อยลง
ตรวจอะไร
การบริการด้านการตรวจหาโรคสมองเสื่อมแฝงด้วยนวัตกรรมใหม่เพื่อตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์แล้วหรือไม่ และยังสามารถบอกได้ว่าเป็นโรคสมองเสื่อมแฝง หรือ กำลังมีการสูญเสียเนื้อสมองอยู่ ซึ่งสามารถ การตรวจวิธีนี้ มีความแม่นยำในการตรวจสูงถึง 92 % เทียบกำการตรวจ PET และน้ำไขสันหลังทำไมต้องตรวจ
เพื่อที่จะสามารถทำนายการเกิดสมองเสื่อมจากโรคอัลไซเมอร์ล่วงหน้าได้ถึง 5-10 ปี ข้างหน้าตนเองจะมีความเสี่ยงหรือไม่ เพื่อเป็นแรงผลักดันให้หันมาดูแลสุขภาพและเกิดผลดีในที่สุด พร้อมทั้งวางแผนการดูแลรักษาป้องกันไม่ให้เกิดโรคในอนาคตได้เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีปัญหาหลงลืมที่รบกวนชีวิต เช่น อ่านหนังสือเข้าใจยากขึ้น ตัดสินใจผิดพลาดบ่อยขึ้น อารมณ์ หรือบุคลิกภาพเปลี่ยนไป ไม่รู้วันเวลา
- ผู้ที่มีอายุ 40 ปี ขึ้นไป ที่มีความกังวลหรือต้องการทราบว่าในอีก 5-10 ปี ข้างหน้าตนเองจะมีความเสี่ยงหรือไม่ เพื่อเป็นแรงผลักดันให้หันมาดูแลสุขภาพและเกิดผลดีในที่สุด
- บุคคลที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป
- ผู้ที่มีบุคคลในครอบครัว หรือ ญาติสายตรง เป็นโรคสมองเสื่อม
ประโยชน์ที่ได้รับ
เพื่อป้องกันการเกิดภาวะสมองเสื่อมในผู้ที่ยังไม่มีอาการ ช่วยตรวจค้นหาก่อนที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อมในอนาคต และ ชะลอการดำเนินโรคของภาวะสมองเสื่อมที่เกิดขึ้นแล้วให้ช้าลง;จุดเด่น
การตรวจวิธีนี้ มีความแม่นยำในการตรวจสูงถึง 92% เทียบกำหารตรวจ PET และน้ำไขสันหลัง ทำให้เกิดประโยชน์ในการป้องกัน หรือ ชะลอ การเกิดอาการภาวะสมองเสื่อม หรือเพื่อเตรียมตัวก่อนที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อมในอนาคต โดยจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทและสมอง ช่วยแนะนำผู้ป่วยเพื่อปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ วางแผนการดำเนินชีวิต และติดตามอาการของผู้ป่วยต่อไปวิธีการตรวจ
โปรแกรมนี้จะใช้วิธีการตรวจเลือด เพื่อหาระดับโปรตีน “ฟอสโฟ-ทาว” ซึ่งเป็น ต้นเหตุของโรคอัลไซเมอร์ และยีน (APOE) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคอัลไซเมอร์ รวมถึงระดับโปรตีน “นิวโรฟิลาเมนท์” และ “จีเอฟเอพ” ซึ่งโปรแกรมนี้ประกอบไปด้วย- ระดับโปรตีน “ ฟอสโฟ-ทาว ต้นเหตุของโรคอัลไซเมอร์ ”
- ระดับโปรตีน “ นิวโรฟิลาเมนท์ ” บอกความเสียหายของสมอง เพื่อวินิจฉัยเป็นอัลไซเมอร์ สมองเสื่อมแฝง หรือ กำลังมีการทำลายเนื้อสมองอยู่ ทำนายผลการเกิดโรคล่วงหน้าได้ถึง 5-10 ปี แม่นยำถึง 92% รู้ผลภายใน 90 วัน
- ระดับโปรตีน “ จีเอฟเอพี ” บอกถึงการอักเสบของสมองซึ่งเจอร่วมกับดรคอัลไซเมอร์ในระยะแฝง
- ยีนหลักซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์
ระยะเวลาในการอผล
- ประมาณ 90 วัน
ขั้นตอนการรับบริการ
- พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการรับบริการ
- รับบริการตรวจยีนโดยการเจาะเลือด
- รอผลตรวจ
- ประเมินผลตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ด้านสมองและระบบประสาท หรือ แพทย์เวชศาสตรืชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ เพื่อเข้าสู่กระบวนการให้คำปรึกษาต่อไป
ตรวจแล้วผลตรวจบอกอะไร
ผลการตรวจจะบ่งบอกถึงเปลี่ยนแปลงของสมอง เพื่อตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์แล้วหรือไม่ และยังสามารถบอกได้ว่าเป็นโรคสมองเสื่อมแฝง หรือ กำลังมีการทำลายเนื้อสมองอยู่ ซึ่งสามารถทำนายผลการเกิดโรคล่วงหน้าได้ถึง 5 -10 ปี เราจึงสามารถป้องกัน หรือ ชะลอ การเกิดอาการภาวะสมองเสื่อม หรือเพื่อเตรียมตัวก่อนเกิดภาวะสมองเสื่อมในอนาคต โดยจะมีแพทย์ด้านระบบประสาทและสมองช่วยตรวจประเมินเพิ่มเติม และ แนะนำ กรณีผลตรวจผิดปกติ และ กรณีผลตรวจปกติไม่มีความเสี่ยงของการเกิดโรค แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย และฟื้นฟูสุขภาพ จะช่วยวางแผนและแนะนำวิธีการปรับเปลี่ยนไลฟสไตล์ ในการดำเนินชีวิต ด้วยหลัก 4อ. ของที่สมิติเวช ดังนี้
- อิ่มกาย – การดูแลด้านการออกกำลังกายในแบบเฉพาะคุณ เพื่อสุขภาพที่ดีแบบยั่งยืน ทั้งการประเมินความพร้อมทางด้านหัวใจและสมรรถภาพร่างกายก่อนออกกำลังกาย การวัดองค์ประกอบร่างกาย และวางแผนการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
- อิ่มอาหาร – การดูแลด้านอาหารที่เฉพาะสำหรับคุณ ตามเป้าหมายวางไว้ ให้คำแนะนำโดยนักกำหนดอาหารผู้มากด้วยประสบการณ์
- อิ่มอารมณ์ – การดูแลด้านอารมณ์และจิตใจ ประเมินด้านความเครียดที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของคุณ โดยทีมแพทย์เฉพาะทาง
- อิ่มนอน – การดูแลด้านการนอนหลับ ซึ่งหากมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ เช่น นอนไม่หลับ นอนหลับไม่มีคุณภาพ หรือนอนกรน ก็สามารถดูแลให้เหมาะสมกับปัญหาการนอนหลับที่เผชิญอยู่ได้ เช่น การตรวจหาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (sleep test) หรือการดูแลด้วยการฝังเข็ม เป็นต้น
โดยทั้ง 4 อ. จะต้องดูแลร่วมกันในแต่สหสาขาวิชาชีพ และมีแพทย์ผู้ชำนาญการและสหสาขาวิชาชีพ ที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งหลากหลายสาขาวิชาชีพ
- แพทย์ด้านเวชศาสตร์ป้องกัน (แพทย์ wellness)
- แพทย์อายุรกรรมหัวใจ - ประเมินความพร้อมของหัวใจและสมรรถภาพหัวใจก่อนออกกำลังกาย
- แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูด้านการออกกำลังกาย - ประเมินสมรรถภาพร่างกายก่อนออกกำลังกาย
- จิตแพทย์ - ประเมินสภาวะจิตใจ (Mental Wellbeing)
- นักโภชนากร - ดูแลด้านอาหารเฉพาะบุคคล
- นักเวชศาสตร์การกีฬา – ดูแลด้านการออกกำลังกาย