ไขมันพอกตับ อันตรายใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

ไขมันพอกตับ อันตรายใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

โลกแห่งความทันสมัยในยุคดิจิตอลนี้ ต้องยอมรับว่าอะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเสียทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่โรคภัยที่เปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราด้วย โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการกินอยู่ อย่างเช่น “ไขมันพอกตับ” ที่ปัจจุบันมีแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคนี้สูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่ ไขมันพอกตับเป็นอย่างไรและอันตรายแค่ไหน วันนี้เรามีสาระดีๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกัน

ที่มาของไขมันพอกตับ

ไขมันในร่างกายของเราตามธรรมชาติจะเป็นแหล่งพลังงาน เมื่อไหร่ที่เราอดอาหาร ไม่ได้รับประทานอาหาร ร่างกายก็จะดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานทดแทน ที่นี้แหล่งที่เก็บไขมันในร่างกายของเรา จะมีอยู่ 2 แหล่งใหญ่ๆ ก็คือ ที่หน้าท้องหรือที่พุง อีกแหล่งหนึ่งซึ่งเป็นแหล่งใหญ่ก็คือที่ตับ ไขมันที่ตับนี่นับว่าเป็นแห่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดแหล่งหนึ่งก็ว่าได้ หากเกิดการสะสมของไขมันที่ตับมากๆ ก็จะเกิดภาวะไขมันพอกตับได้นั่นเอง ซึ่งถ้าเกิดภาวะไขมันพอกตับก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย

ไขมันพอกตับอันตรายแค่ไหน

ถ้ามีภาวะของไขมันพอกตับ คือการสะสมของไขมันเข้าไปในเซลล์ตับต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็จะส่งผลให้เกิดการอักเสบของเนื้อตับได้และต่อมาก็ส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ โดยเฉพาะโรคเรื้อรังต่างๆ อาจเป็นโรคที่เป็นอยู่เดิม เช่น โรคเบาหวาน ตับอักเสบจากไวรัสชนิดต่างๆ โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง ความดัน โลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ หากมีการอักเสบของตับเป็นเวลานาน ก็ส่งผลให้เกิดการทำลายของเซลล์ตับและการมีแทนที่ด้วยพังผืด จนในที่สุดก็จะทำให้เกิดอาการตับแข็งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด มะเร็งตับได้

สาเหตุที่ทำให้ไขมันพอกตับ คือ?

สาเหตุของโรคไขมันพอกตับสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

  1. กลุ่มที่เกิดขึ้นจากการดื่มแอลกอฮอล์ ความรุนแรงของโรคก็จะดูได้จากประวัติของการดื่มแอลกอฮอล์ของผู้ป่วยทั้งปริมาณและระยะเวลา
  2. กลุ่มที่มิได้มีสาเหตุจากการดื่มแอลกอฮอล์ ในกลุ่มนี้ปัจจุบันพบว่าหากร่างกายเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินแล้วจะเป็นปัจจัยที่สำคัญของการเกิดภาวะไขมันคั่งสะสมในตับ หรือกล่าวง่ายๆ ว่า มีผลจากโรคที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานของร่างกาย เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ไวรัสตับอักเสบซี สิ่งที่น่ากลัวสำหรับกลุ่มนี้ก็คือ ผู้ป่วยมักจะไม่ทราบมาก่อนว่าเกิดความผิดปกติกับตับของตน เลยไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจจะรักษาจนกระทั่งตรวจพบโดยบังเอิญ

อาการของโรคไขมันพอกตับเป็นอย่างไร

สิ่งที่น่าเป็นห่วงของโรคไขมันพอกตับนี้ก็คือ เรื่องของอาการ ในระยะแรกๆ ของโรค ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ หรือหากมีอาการก็อาจเป็นอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจงมากพอที่จะบ่งบอกโรคได้ เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้เล็กน้อย รู้สึกตึงบริเวณใต้ชายโครงขวา เนื่องจากโรคที่เกี่ยวกับตับนั้น เป็นโรคที่มีการดำเนินโรคค่อนข้างช้าไม่ใช่ว่าใช้เวลาแค่ 1 หรือ 2 ปีจะเกิดปัญหา ต้องใช้เวลานานกว่าโรคจะดำเนินไปอีกขั้น โดยส่วนใหญ่การตรวจพบโรคไขมันพอกตับจึงมักพบเมื่อผู้ป่วยเข้ารับการเจาะเลือดตรวจสุขภาพประจำปีหรือตรวจทางการแพทย์ด้วยเหตุผลอื่นๆ ซึ่งในบางรายพอเริ่มตรวจพบก็พบว่าเกิดภาวะตับแข็งแล้วก็เป็นได้

เราจะลดความเสี่ยงของโรคไขมันพอกตับได้อย่างไร

ที่ง่ายที่สุดเลยก็คือ การปรับพฤติกรรม ควบคุมอาหาร ลดน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีไขมันต่ำ กากใยสูง ลด และเลิกการดื่มสุรา ซึ่งจะเป็นการเพิ่มภาระให้ตับมากยิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงการรับประทานยา หรืออาหารเสริมที่ไม่จำเป็น

แม้โรคไขมันพอกตับจะไม่ใช่โรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง แต่ตับก็เป็นอวัยวะหนึ่งที่สำคัญ ที่ช่วยกรองสารพิษและทำหน้าที่สำคัญๆ อีกมากในร่างกาย หากไม่ดูแลรักษาอวัยวะนี้ให้ดีแล้ว โอกาสที่โรคอื่นๆ จะถามหาก็ง่ายยิ่งขึ้น

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?