1. น้ำหนักคุณแม่ควรขึ้นเท่าไร ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด?
ในช่วงไตรมาสแรก น้ำหนักของคุณแม่ไม่ควรขึ้นเกิน 2 กิโลกรัม ส่วนในไตรมาสที่ 2 และ 3 ควรขึ้นสัปดาห์ละไม่เกินครึ่งกิโลกรัม หมายความว่าตลอดการตั้งครรภ์ น้ำหนักของคุณแม่ไม่ควรเพิ่มขึ้นเกิน 12-15 กิโลกรัม ส่วนคุณแม่ที่มีน้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ค่อนไปทางท้วม (BMIมากกว่า25) น้ำหนักขณะตั้งครรภ์ไม่ควรเพิ่มขึ้นเกิน 8 ถึง 10 กิโลกรัมค่ะ
2. น้ำหนักของแม่ที่มากหรือน้อยเกินไป มีผลเสียอย่างไรต่อแม่และเด็กในครรภ์?
คุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป จะมีความเสี่ยงต่อโรคหลายชนิด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ส่วนการลดน้ำหนักหรืออดอาหารขณะตั้งครรภ์ จะทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด ketosis ซึ่งส่งผลกับพัฒนาการทางสมองของลูกได้
3. ที่เคยได้ยินมาว่าแม่ตั้งครรภ์ควรกินอาหารให้มากกว่าเดิมเป็น 2 เท่า เผื่อลูกในครรภ์นั้น เป็นความจริงหรือไม่
เป็นความเข้าใจที่ผิดค่ะ ในแต่ละวัน คนเราควรกินอาหารที่ให้พลังงานราว 2,200 กิโลแคลอรี แต่สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ควรกินให้มากกว่าเดิมประมาณ 350-450 กิโลแคลอรี่เท่านั้น
4. คุณแม่ท้องที่หิวมาก หิวบ่อย ควรจะกินอย่างไรไม่ให้อ้วน
วิธีการกินที่ถูกวิธีคือแบ่งมื้ออาหารให้เป็นมื้อเล็กๆ และกินบ่อย ๆ แทนการกินครั้งละเยอะๆ หากว่ากลัวอ้วน มื้อเช้ากับกลางวันให้กินตามปกติ ส่วนมื้อเย็นก็อาจจะกินโปรตีน นม และคาร์โบไฮเดรตในระดับที่เหมาะสม และหลังจากกินอาหาร ไม่ควรนอนทันที ควรเดินเล่นหรือนั่งเล่นซักพัก
5. อาหารแบบไหนที่ควร ‘เลือก’ และแบบไหนที่ควร ‘เลี่ยง’
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ และเน้นวิธีการประกอบอาหารด้วยการต้ม นึ่ง ลวก แทนการทอด ผัด หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด รสหวาน ขนมจุกจิก เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน รวมถึงอาหารจานด่วนที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบ
ถ้าทำตามนี้ได้ น้ำหนักของคุณแม่จะขึ้นทีละน้อย ส่งผลให้น้ำหนักตัวไม่มากเกินไป หลังคลอดแล้วจะกลับมาฟิตหุ่นให้เหมือนเดิมได้อย่างรวดเร็วค่ะ