อุ่น/ปรุงอย่างไรให้ปลอดภัย ด้วยไมโครเวฟ

อุ่น/ปรุงอย่างไรให้ปลอดภัย ด้วยไมโครเวฟ

HIGHLIGHTS:

  • คลื่นไมโครเวฟเมื่อถูกดูดซับไปในอาหารแล้ว จะสลายตัวทันที ไม่มีคลื่นหรือรังสีใดๆ ตกค้างในอาหาร จึงไม่มีอันตรายกับสุขภาพ
  • ไม่ควรต้มน้ำในไมโครเวฟ เนื่องจากอาจเกิดภาวะที่น้ำกักเก็บความร้อนเอาไว้มากกว่าจุดเดือด เมื่อมีการเติมวัตถุอื่นๆ เช่น กาแฟ หรือน้ำตาลลงไปทันที อาจทำให้น้ำในแก้วพุ่งขึ้นจนเป็นอันตรายได้ 
  • ไม่ควรนำอาหารที่มีเปลือกแข็ง เช่น ไข่ หรือภาชนะที่ฝาปิดสนิทเพื่อปรุงอาหาร เพราะความร้อนจะทำให้อากาศภายในอาหารขยายตัว รวมถึงเกิดไอน้ำขึ้น จึงมีแรงดันจนทำให้เกิดการระเบิดได้ 

อุ่น/ปรุงอย่างไรให้ปลอดภัย ด้วยไมโครเวฟ

เมื่ออยู่ในยุคแห่งความเร่งรีบ อีกทั้งยังมีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย ไมโครเวฟเครื่องเล็กๆ เครื่องเดียวเป็นได้มากกว่าแค่ใช้อุ่นอาหาร แต่เป็นครัวขนาดย่อมที่สามารถใช้ทำอาหารได้หน้าตาและรสชาติเกือบไม่ต่างจากการปรุงสุกด้วยเครื่องครัวทันสมัยอื่นๆ เราเคยสงสัยกันมั้ยว่า การปรุงหรืออุ่นอาหารในไมโครเวฟนั้นมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด

ไมโครเวฟทำให้อาหารเกิดความร้อนจนสุกหรืออุ่นขึ้น ด้วยการแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งเช่นเดียวกับคลื่นวิทยุ คลื่นโทรทัศน์ และคลื่นแสงธรรมดา โดยคลื่นไมโครเวฟที่ใช้ปรุงอาหารจะมีความถี่คลื่น 2,450 ล้านรอบต่อวินาที (2,450 MHz) เมื่อคลื่นกระทบอาหารหรือวัตถุใดๆ ที่มีน้ำหรือความชื้นภายใน จะเกิดการถ่ายทอดพลังงานสู่โมเลกุลของน้ำ จนมีการสั่นสะเทือนและเสียดสีของโมลกุลของน้ำ ทำให้เกิดพลังงานความร้อน ทำให้อาหารอุ่นและสุกได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการเปลี่ยนโครงสร้างอาหาร

คลื่นไมโครเวฟ อันตรายต่อสุขภาพ จริงหรือไม่ ใช่หรือหลอก

เมื่อคลื่นไมโครเวฟถูกดูดซับไปในอาหารแล้ว จะสลายตัวทันที ไม่มีคลื่นหรือรังสีใดๆ ตกค้างในอาหาร จึงไม่มีอันตรายกับสุขภาพ รวมถึงไมโครเวฟยังไม่ได้ทำให้คุณค่าของอาหารลดลงกว่าการอุ่นหรือปรุงสุกด้วยวิธีอื่น ดังนั้นการรับประทานอาหารที่อุ่นหรือปรุงสุกด้วยไมโครเวฟเป็นประจำจึงไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพแต่อย่างใด สำหรับการนำอาหารค้างคืนมาอุ่นซ้ำ ต้องแน่ใจว่าไม่บูดเสีย เพราะอาจเกิดท้องเสียตามมาได้

เสียคุณค่าทางอาหารหรือไม่

การใช้ความร้อนในการปรุงอาหารไม่ว่าจะด้วยวิธีใดมีผลกับสารอาหารทั้งสิ้น ถ้ามีการใช้ไมโครเวฟอย่างถูกวิธี คุณค่าของสารอาหารที่ปรุงด้วยไมโครเวฟนั้น ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากวิธีการหุงต้มตามปกติแต่อย่างใด สิ่งที่ทำให้คุณค่าของสารอาหารเปบี่ยนแปลงไปคือความร้อน และเวลาในการปรุง

จ้องมองเข้าไปในไมโครเวฟ อันตรายกับสายตาหรือไม่

เนื่องจากไมโครเวฟประกอบขึ้นด้วยวัสดุที่สามารถป้องกันคลื่นไม่ให้ออกมาสู่ภายนอก จึงถือว่าเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความปลอดภัย ส่วนแสงสว่างที่เกิดขึ้นขณะใช้ไมโครเวฟนั้นเป็นเพียงแสงจากหลอดไฟฟ้าเพื่อให้มองเห็นอาหารที่อยู่ภายในเท่านั้น การจ้องมองหรือเข้าใกล้ไมโครเวฟขณะทำงานยังไม่เป็นอันตรายอย่างที่หลายคนเข้าใจ

ข้อควรระวังในการอุ่น/ปรุงอาหารด้วยไมโครเวฟ

  • ไม่ควรต้มน้ำในไมโครเวฟนานจนเกินไป เนื่องจากอาจเกิดภาวะที่น้ำกักเก็บความร้อนเอาไว้มากกว่าจุดเดือด เรียกว่า Super Heat เมื่อมีการเติมวัตถุอื่นๆ เช่น กาแฟ หรือน้ำตาลลงไปทันที อาจทำให้น้ำในแก้วพุ่งขึ้นจนเป็นอันตรายได้
  • เลือกภาชนะที่ใช้กับเตาไมโครเวฟให้ถูกต้อง ไม่ใช้ภาชนะที่เป็นโลหะทุกชนิด หรือแม้แต่ภาชนะกระเบื้องที่มีขอบเงินขอบทอง หรือโลหะอื่นๆ เนื่องจากคลื่นไมโครเวฟไม่สามารถผ่านโลหะได้ จึงทำให้เกิดการสะท้อนกลับ และเกิดเป็นประกาย ทำใหเกิดอันตรายได้
  • ควรทำความสะอาดคราบน้ำมันภายในไมโครเวฟเสมอ เพราะหากพลั้งพลาดเกิดประกายไฟขึ้นแล้ว อาจลุกลามเป็นไฟไหม้ได้
  • ไม่ควรนำอาหารที่มีเปลือกแข็ง เช่น ไข่ หรือภาชนะที่ฝาปิดสนิทเพื่อปรุงอาหาร เพราะความร้อนจะทำให้อากาศภายในอาหารขยายตัว รวมถึงเกิดไอน้ำขึ้น จึงมีแรงดันจนทำให้เกิดการระเบิดได้ อาจใช้ส้อมจิ้มอาหาร เพื่อป้องกันการปะทุที่เกิดจากการที่อาหารขยายตัว
  • หากเป็นอาหารแช่แข็ง หรืออาหารค้างมื้อ ควรเป็นอาหารปรุงสุกและจัดเก็บอย่างถูกสุขลักษณะ หรือไม่ได้บูดเสียก่อนการนำมาอุ่นด้วยไมโครเวฟ
  • อาหารที่อุ่นด้วยไมโครเวฟมักจะมีความร้อนอยู่ด้านใน จึงควรระวังอันตรายจากความร้อน อาจลวกปาก ลวกมือได้

การใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายอย่างไมโครเวฟ ถ้าเราใช้อย่างถูกวิธี ก็จะช่วยให้เราประหยัดเวลาได้มากขึ้น และยังมีสุขภาพที่ดีขึ้นอีกด้วย ในทางตรงกันข้ามถ้าไม่รู้จักใช้ก็อาจจะทำให้เกิดความเสียหาย และทำลายสุขภาพได้เช่นกัน

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?