วิตามิน อาหารเสริมเพิ่มภูมิคุ้มกันช่วงโควิด-19

วิตามิน อาหารเสริมเพิ่มภูมิคุ้มกันช่วงโควิด-19

HIGHLIGHTS:

  • วิตามินและอาหารเสริม ที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบภูมิต้านทานร่างกายมีหลายชนิด ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทาน เนื่องจากขนาดปกติที่ควรได้รับตามความต้องการต่อวันในคนสุขภาพดีนั้นแตกต่างกัน
  • การให้วิตามินบำบัดทางหลอดเลือด จะช่วยป้องกันการติดเชื้อเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยผ่อนคลายความเครียด และฟื้นฟูร่างกายและผิวพรรณให้สดชื่น ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีต่อครั้ง
  • การดูแลจากภายใน นอกจากการทานวิตามินและอาหารเสริมแล้ว การมีไลฟ์สไตล์ที่ดีจะช่วยเสริมภูมิต้านทานร่างกายให้แข็งแรงด้วย เช่น ลดความเครียด นอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และทานอาหารที่มีประโยชน์

ใครจะคาดคิดว่าไวรัสที่แจ้งเกิดในตลาดของประเทศจีนเมื่อปลายปี 2019 ซึ่งเป็นไวรัสตัวเล็ก ๆ ที่ชื่อ “โคโรนาไวรัส” จะกลายเป็นสาเหตุของโรคระบาดและติดต่อที่ชื่อ “โควิด-19” ที่ส่งผลกระทบรุนแรงทั่วโลกขยายเป็นวงกว้างอยู่ในขณะนี้ อีกทั้งยังสามารถเกิดได้ในคนทุกเพศทุกวัย ทำให้การใช้ชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมเป็นอย่างมาก ทุกชีวิตต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว 

สิ่งที่เราทำอยู่ใต้นิยามวิถี New Normal จากที่เคยเดินออกจากบ้านโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อใดๆ ตอนนี้กลับต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือผ้าปิดปาก และพกเจลแอลกอฮอล์ไว้ทำความสะอาดมือ เพื่อเอาไว้ป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัส ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การป้องกันเหล่านี้อาจยังไม่เพียงพอในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง (10 พฤษภาคม 2021) การเสริมเกราะป้องกันจากภายในจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ นอกจากการรับวัคซีนแล้ว ก็สามารถเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรงโดยวิธีต่างๆ ได้ ดังนี้

เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้อย่างไรบ้าง

1. ลดความเครียด

โดยหากิจกรรมทำยามว่างที่ชอบหรือทำสมาธิ เนื่องจากฮอร์โมนความเครียดบางชนิดที่มาจากความเครียดสะสม จะกระตุ้นให้ร่างกายตอบสนองต่อเชื้อโรคต่างๆ ได้น้อยลง 

2. นอนหลับให้เพียงพอ 

เพราะการนอนหลับที่ดีช่วยให้ร่างกายสร้างสารที่ชื่อว่า ไซโตไคน์ (Cytokines) ที่ช่วยรักษาการอักเสบ การติดเชื้อ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน 

3. ออกกำลังกายบ้าง หรือขยับตัวทำงานบ้านบ้าง 

เพื่อเป็นการเพิ่มการหมุนเวียนของเลือดโดยรวม และทำให้เซลล์ในร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้น เม็ดเลือดขาวแข็งแรงและเพิ่มจำนวนได้ อีกทั้งทำให้สมองสร้างโกรทฮอร์โมนซึ่งเป็นตัวส่งเสริมการสร้างเม็ดเลือดขาวบางชนิด ที่ช่วยต่อต้านเชื้อไวรัสและสิ่งแปลกปลอมได้

4. กินอาหารให้สมดุล และเพิ่มอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

  • พยายามทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
  • เลือกกินอาหารที่ปล่อยพลังงานช้าและมีเส้นใยปรับสมดุลการขับถ่าย เช่น ข้าวไม่ขัดสี ธัญพืช ผลไม้อย่างฝรั่ง แอปเปิ้ล ไปในบางมื้อเพื่อไม่ให้หิวง่ายและระบบขับถ่ายเป็นปกติ
  • ทานผักผลไม้หลากสี คละกันไป เพราะแต่ละชนิดมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีแตกต่างกัน 
  • หลีกเลี่ยงอาหารผ่านการแปรรูป เช่น แฮม เบคอน ไส้กรอก แหนม และอาหารปิ้งย่างเขม่าดำ 
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม 
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

5. อาหารเสริมเพิ่มภูมิต้านทาน 

สำหรับผู้ที่กังวลว่าจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอหรือต้องการเสริมภูมิต้านทาน

  • วิตามินซี ขนาด 500-2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เนื่องจากวิตามินซี ช่วยการทำงานของเม็ดเลือดขาวและช่วยกระบวนการทำลายเชื้อโรค ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง เนื่องจากขนาดปกติที่ควรได้รับตามความต้องการต่อวันในคนสุขภาพดีนั้นแตกต่างกันออกไป เช่น ในเด็กอายุ 1-8 ปี ควรได้รับ 25-40 มิลลิกรัมต่อวัน ในเด็กและวัยรุ่นช่วงอายุ 9-18 ปี ควรได้รับ 60-100 มิลลิกรัมต่อวัน และวัยผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไป ควรได้รับ 85-100 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งสามารถได้จากอาหารและผลไม้ทั่วไป เช่น ฝรั่ง ส้ม เชอร์รี่ เบอร์รี่ต่างๆ กีวี มะขามป้อม พริกหวาน บรอกโคลี ผักคะน้า ผักปวยเล้ง เป็นต้น
  • วิตามินดี ไม่เพียงแค่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย แต่ยังเป็นวิตามินที่มีบทบาทกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาวโมโนไซต์และมาโครฟาจซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่สำคัญในการช่วยลดการอักเสบ ต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่ปกติแล้วเราสามารถรับวิตามินดี ได้จากปลาต่างๆ  นม ไข่แดง ชีส ตับปลา ตับสัตว์ เห็ด ทั้งนี้การรับประทานเสริมควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรในขนาดที่เหมาะสมในแต่ละคน
  • สังกะสี นอกจากดูแลสุขภาพผิวพรรณ ผม ขน เล็บ และระบบสืบพันธุ์แล้ว ยังมีส่วนกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวหลายชนิด ปกติแล้วในอาหารที่อุดมด้วยสังกะสี เช่น  หอยนางรม เนื้อสัตว์และเครื่องใน สัตว์ปีก ปลา ไข่ นม เมล็ดฟักทอง ธัญพืชต่างๆ การรับประทานเสริมในผู้ที่สุขภาพดี แนะนำ 15-45 มิลลิกรัมต่อวัน ในขนาดที่สูงกว่านี้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
  • กรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งปกติแล้วจะช่วยเสริมสร้างเซลล์ประสาทในสมอง จอประสาทตา เสริมสร้างการทำงานของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ลดการอักเสบซ่อนเร้นที่เกิดจากความเครียด ยังมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาว ซึ่งปกติเราสามารถได้รับจากแหล่งอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง ได้แก่ ปลาและอาหารทะเล น้ำมันปลา ถั่วต่างๆ น้ำมันพืช เป็นต้น ส่วนในอาหารเสริมสำหรับผู้ที่มีสุขภาพดีแนะนำให้รับประทาน 500-1,500 มิลลิกรัมต่อวัน 

6. การใช้อาหารเสริมแบบเฉพาะบุคคล 

ซึ่งจำเป็นต้องตรวจสุขภาพร่างกายภายในเพื่อค้นหาว่าวิตามินหรือแร่ธาตุตัวใดที่เรากำลังขาด แพทย์จะได้เสริมด้วยอาหารหรือวิตามินชนิดนั้นๆ แบบตรงจุด 

7. การให้วิตามินบำบัดทางหลอดเลือด 

ซึ่งร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที และช่วยป้องกันการติดเชื้อพร้อมเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน อีกทั้งยังช่วยผ่อนคลายความเครียด และฟื้นฟูร่างกายและผิวพรรณให้สดชื่น ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีต่อครั้ง
 

การตรวจสุขภาพที่เกี่ยวกับภูมิต้านทานในปัจจุบัน

  • การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด เพื่อหาความผิดปกติของส่วนประกอบในเลือด ซึ่งได้แก่ เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง เกล็ดเลือด เพื่อให้แพทย์ประเมินภาวะที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของร่างกาย 
  • การตรวจวัดระดับวิตามินดีในร่างกาย เนื่องจากวิตามินดีมีความเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน 
  • การตรวจ Nutrient @Home หรือโปรแกรมตรวจวัดระดับวิตามินแร่ธาตุในเลือดที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานร่างกาย ที่บ้าน (Vitamin B12, C, D, E, Selenium, Chromium, Zinc, Calcium, Magnesium, Ferritin, Folate) พร้อมกับแพทย์ให้คำปรึกษาเรื่องอาหารและวิตามินที่ควรรับประทานแบบเฉพาะบุคคล ผ่าน VDO Call (คลิกอ่านเพิ่มเติม)

หากตรวจแล้วระดับพบว่ามีความเสี่ยงที่ภูมิต้านทานจะต่ำ

แพทย์จะแนะนำการดูแลตัวเองให้มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงด้วยวิธีต่างๆ แบบเฉพาะ ทั้งการปรับไลฟ์สไตล์ การบริโภคอาหาร การออกกำลังกาย เพื่อลดความเสี่ยงรุนแรงเมื่อเกิดการเจ็บป่วย

อ้างอิงจาก

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?