Work from Home ทำงานที่บ้านอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

• Work from Home อาจจะเป็น New Norm หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 ผ่านพ้นไป จึงควรเรียนรู้ ควบคุม และทำให้การทำงานที่บ้านมีประสิทธิภาพ
• การกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายรายวันสำหรับงานหรือโครงการสำคัญ เพื่อให้บรรลุการทำงานร่วมกันกับบริษัทเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Work from Home ที่มีประสิทธิภาพ
• การเชื่อมต่อกับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน เพื่อให้พนักงานสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสนับสนุนเพื่อนร่วมงานได้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การทำงาน WFH ประสบความสำเร็จ

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 (Covid -19) ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก โดยยังไม่มีวี่แววว่าจะจบลง ปฏิเสธไม่ได้ว่าขณะนี้มีคนทั่วโลกหลายล้านคนที่อยู่ภายใต้ความโดดเดี่ยวทางสังคม เนื่องจากคำแนะนำให้ “อยู่ห่างกัน” และ “อยู่บ้าน” เพื่อชะลอการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนา   ซึ่งส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ หรือเจ้าของกิจการพยายามสร้างแนวทางการทำงานระยะไกลหรือการทำงานที่บ้าน  ” Work From Home – WFH”   แต่การเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วไปสู่เศรษฐกิจระยะไกลไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน

“แม้ปกติคุณเป็นคนทำงานที่บ้านอยู่แล้ว แต่นี่ไม่ใช่เวลาปกติ” ราวี กาเจนแดรน (Ravi Gajendran) ศาสตราจารย์ด้านการจัดการของมหาวิทยาลัยฟลอริดา  (Florida International University) กล่าว “ สิ่งแรกที่ต้องจดจำคืองานนั้นอาจสร้างรู้สึกแตกต่างไปจากเดิม” โดยเฉพาะคนที่อาจมีลูกหรือสมาชิกครอบครัวอื่นๆ  อาศัยในบ้านเดียวกัน การต้องกักตัวอยู่แต่ในบ้านอาจสร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพและความมั่นคงของรายได้  กลายเป็นการแสดงออกด้วยการเรียกร้องความสนใจ รวมถึงความเครียดและอาการหงุดหงิด หรืออาจทำให้เกิดภาวะหมดไฟในการทำงานได้

นักจิตวิทยาอุตสาหกรรม/องค์กร  ทิโมธี โกลเดน (Timothy Golden) จากสถาบันการจัดการ ในเมืองทรอย รัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า “ นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับการทำงานที่บ้าน  ความนิยมของการทำงานระยะไกลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีและความต้องการเร่งด่วนที่เกิดขึ้นจากการระบาดครั้งนี้ทำให้เรามีโอกาสเรียนรู้จากบทเรียนก่อนหน้านี้เพื่อให้สามารถทำงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดช่วงวิกฤต” 

การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้  ไม่ควรเป็นเวลาที่จะตื่นตระหนก แต่เป็นเวลาที่ควรเรียนรู้ ควบคุม และทำให้การทำงานที่บ้านมีประสิทธิภาพ ในขณะที่มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Physical Distancing) ยังคงต้องดำเนินไปอีกระยะเวลาหนึ่งด้วยคำแนะนำของนักจิตวิทยา สำหรับผู้ที่ต้องทำงานที่บ้าน ดังนี้

เริ่มต้นด้วยการเลือกพื้นที่ทำงานในห้องที่มีประตูปิดมิดชิดแยกจากเสียงรบกวนและกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้าน   เพื่อการทำงานที่มีสมาธิสามารถจดจ่อกับงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ควรพูดคุยและทำข้อตกลงกับคนในครอบครัว เพื่อกำหนดเวลาทำงานและช่วงเวลาหยุดพักที่แน่นอน

นอกจากนี้ควรลดการเสพข่าวสารเกี่ยวกับโรคระบาดลง เนื่องจากความเครียดและความวิตกกังวลอาจรบกวนจิตใจ จนไม่มีสมาธิในการทำงาน อาจเริ่มต้นวันใหม่ก่อนทำงานด้วยการอ่านหนังสือ เดินเล่น หรือใช้เวลาสัก 2–3 นาที คิดถึงเหตุผลว่าทำไมงานของคุณจึงมีความสำคัญทั้งกับลูกค้า เพื่อนร่วมงาน และองค์กร

โดยศาสตราจารย์ราวี กาเจนแดรน ได้ยกตัวอย่างว่า “ตอนนี้ฉันกำลังสอนชั้นเรียนออนไลน์  และนี่ไม่ใช่แค่โอกาสสำหรับนักเรียนที่จะเรียนรู้ แต่ยังเป็นการพักจากความเครียดที่การใช้ชีวิตของพวกเขาต้องหยุดชะงักลง”

สำหรับการรับมือกับเด็กๆ ศาสตราจารย์ราวี กาเจนแดรน แนะนำว่าควรมีการบอกกล่าวเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างาน เลือกเวลาทำงานสำคัญในช่วงที่จะถูกรบกวนน้อยที่สุด เช่น ตอนเช้าตรู่หรือตอนเย็น ทั้งนี้ยังควรจัดเตรียมคนดูแลเด็กๆ ไม่ให้รบกวนเวลาทำงาน  (อ่านข้อมูลเพิ่มเติม

ในแต่ละวันควรกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายรายวันสำหรับงานหรือโครงการสำคัญ เพื่อให้บรรลุการทำงานร่วมกันกับบริษัท  อย่าลืมแบ่งปันเป้าหมายเหล่านั้นกับเพื่อนร่วมงานหรือสมาชิกในครอบครัวด้วย

“บางครั้งการทำพันธสัญญากับผู้อื่นเกี่ยวกับสิ่งที่คุณจะทำให้สำเร็จในวันนั้นช่วยให้คุณมีความรับผิดชอบ” โกลเดนกล่าว

การศึกษาแสดงให้เห็นว่าคนทำงานระยะไกลหรือทำงานที่บ้านมีแนวโน้มที่จะใช้เวลาในการทำงานมากกว่าการนั่งทำงานในออฟฟิศ

“เมื่อทำงานในสำนักงาน ทุกคนมีเวลาเข้างาน หยุดพัก และเลิกงานที่แน่นอน” ศาสตราจารย์ราวี กล่าว “การกำหนดขอบเขตและกิจวัตรให้คล้ายคลึงกัน เมื่อต้องทำงานที่บ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญ”

มุ่งมั่นที่จะยึดกำหนดการเดิมทุกวัน และถ้าเป็นไปได้หยุดตรวจสอบข้อความและอีเมล์เมื่อวันทำงานของคุณสิ้นสุดลง

ทั้งพนักงานและหัวหน้างานควรสื่อสารในเชิงรุกเกี่ยวกับความคาดหวังในการปฏิบัติงานและปัญหาที่เกิดขึ้น หากคุณมีปัญหาในการดำเนินงานเนื่องจากการจัดการงานใหม่  ตัวอย่างเช่น แจ้งให้หัวหน้าของคุณทราบเมื่อเกิดปัญหากับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือสัญญาณโทรศัพท์มือถือ

นักจิตวิทยายังแนะนำให้สร้างแผนสำหรับความถี่และวิธีการสื่อสารระหว่างเพื่อนร่วมงาน

“สิ่งที่มักถูกมองข้ามมากที่สุดสำหรับผู้เริ่มทำงานจากบ้านด้วยเทคโนโลยีสื่อสาร คือไม่มีการจัดการเวลาและวิธีการสื่อสารที่ดีและต่อเนื่อง”

หากคุณต้องการเพียงแบ่งปันข้อมูลหรือการวิเคราะห์ การใช้อีเมล์อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ถ้าต้องทำงานร่วมกับทีมเพื่อทำความเข้าใจกับข้อมูลที่ซับซ้อน ควรมีการกำหนดเวลาการโทรศัพท์หรือการประชุมทางวิดีโอเพื่อพูดคุยจะช่วยให้มีความรวดเร็วและมีความผิดพลาดน้อยลง

คนที่เป็นหัวหน้าหรือผู้นำองค์กรมักมีประสบการณ์ด้านการแยกตัวออกจากสังคมและมีความเป็นมืออาชีพเมื่อเปรียบเทียบกับพนักงานที่ทำงานในออฟฟิศ ความรู้สึกเหงาจึงมากและแย่กว่า เมื่อต้องเผชิญกับมาตรการ “เว้นระยะห่างทางสังคม”

การเชื่อมต่อกับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน และลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น บริษัทจึงจำเป็นต้องมีการจัดเตรียมระบบเพื่อสนับสนุนการพูดคุยและให้คำปรึกษาซึ่งกันและกัน เพื่อจำลองโครงสร้างทางสังคมที่เกิดขึ้นในที่ทำงานให้ใกล้เคียงมากที่สุด

ผู้นำอาจเปิดโอกาสให้มีการสนทนาแบบไม่เป็นทางการระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์หรือวิดีโอ เพื่อให้พนักงานสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสนับสนุนเพื่อนร่วมงานได้ บริษัท อาจสร้างพื้นที่การส่งข้อความออนไลน์ที่กำหนดไว้สำหรับสถานการณ์การระบาดของไวรัสและการพูดคุยอื่นๆ รวมถึงการอัปเดตเรื่องราวส่วนตัวและการร้องขออุปกรณ์ รวมถึงคำแนะนำต่างๆ ไว้สำหรับพนักงาน

เมื่อยังไม่มีวี่แววของตอนจบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  Work from Home–WFH ก็ยังคงต้องดำเนินควบคู่ไปกับการใช้ชีวิตของคนทำงานในปัจจุบัน  แม้วิกฤตการณ์ครั้งนี้จะสร้างผลกระทบให้ผู้คนมากมายหลากหลายด้าน แต่อย่าปล่อยให้วิกฤตกระทบต่อโอกาสการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ  โดยเฉพาะส่งผลร้ายแรงทางด้านจิตใจจนสร้างปัญหาอื่นๆ ตามมา ดังนั้นหากรู้สึกเครียดท้อแท้ โดดเดี่ยว หรือมีปัญหาที่ไม่สามารถหาทางออกได้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาหรือปรึกษาแพทย์ออนไลน์ให้เร็วที่สุด โดยผ่าน Virtual Hospital  หรือการพบแพทย์ทางไกลผ่านโทรศัพท์มือถือแบบเรียลไทม์ พร้อมฝ่าวิกฤตโรคระบาดเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี