ป้องกัน RSV เด็กแรกเกิด – 2 ขวบได้ด้วยภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Nirsevimab)

ป้องกัน RSV เด็กแรกเกิด – 2 ขวบได้ด้วยภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Nirsevimab)

HIGHLIGHTS:

  • เด็กในช่วง 2 ขวบปีแรก 90% สามารถติดเชื้อไวรัส RSV ได้ อย่างน้อย 1 ครั้ง และกว่า 50% ของเด็กที่ติดเชื้อไวรัส RSV ต้องนอนโรงพยาบาล  บางรายมีอาการรุนแรงต้องเข้ารักษาใน ICU ใส่ท่อช่วยหายใจ
  • ไวรัส RSV เป็นสาเหตุหลัก 1 ใน 3 ของการเกิดปอดอักเสบติดเชื้อและหลอดลมอักเสบในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี อาจมีอาการรุนแรงมาก อันตรายถึงแก่ชีวิตได้ 
  • ปัจจุบันสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV ได้โดยการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป โดยสามารถฉีดป้องกันได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดถึง 2 ปี ลดโอกาสในการติดเชื้อ 79.5% ลดการนอนโรงพยาบาลจากการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง 83.2% ลดความรุนแรงและการเข้าไอซียูได้ 75.3%

Respiratory Syncytial Virus : RSV คือ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เด็กๆ เป็นกันบ่อยมาก จากการศึกษาพบว่า 90% ของเด็กในช่วงอายุ 2 ขวบปีแรกสามารถติดเชื้อไวรัส RSV ได้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง และกว่า 50% ของเด็กที่ติดเชื้อไวรัส RSV จำเป็นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะแพทย์ต้องดูแลตามอาการที่เกิดอย่างใกล้ชิด และบางรายมีอาการหรือภาวะแทรกซ้อนรุนแรง  เชื้อไวรัส RSV สามารถแพร่กระจายได้ง่ายและติดต่อเร็วมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ที่เกิดการระบาด และพบว่าไวรัส RSV เป็นสาเหตุหลักถึง 1 ใน 3 ของการเสียชีวิตที่เกิดจากปอดอักเสบและหลอดลมอักเสบในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี   และอาการรุนแรงมาก เชื้อไวรัส RSV จะทําให้เกิดการอักเสบในหลอดลมขนาดเล็กที่อยู่ในปอด เกิดการสะสมของเสมหะ ทําให้หลอดลมเล็ก ๆ เหล่านี้ถูกอุดกั้น เกิดมีเสียงหวีดในปอด และอากาศไม่สามารถผ่านไปแลกเปลี่ยนก๊าซที่ถุงลมได้ ส่งผลให้เด็กได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ หรือหากเนื้อเยื่อปอดติดเชื้อไวรัส RSV โดยตรงก็จะทําให้เกิดโรคปอดอักเสบติดเชื้อได้

อาการเมื่อเด็กติดเชื้อไวรัส RSV

  • ลักษณะเริ่มต้นจะเหมือนอาการหวัดทั่วไป มีนํ้ามูก ไอ อาจมีเสียงหวีดในปอดร่วมด้วย
  • มีไข้ 
  • รับประทานอาหารได้น้อยลง
  • เล่นน้อยลง
  • ร้องไห้กวน งอแง
  • หายใจเว้นช่วง หยุดเป็นพักๆ

สัญญาณที่แสดงว่า การติดเชื้อไวรัส RSV มีอาการรุนแรง และอันตราย

  • เด็กหายใจเร็วและถี่
  • ไอหรือมีเสียงหวีดในปอดอยู่ตลอด
  • รอบปากหรือเล็บเป็นสีเขียวคล้ำ
  • จมูกบานหรืออกบุ๋มขณะหายใจ
  • มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส (โดยเฉพาะในเด็กอายุน้อยกว่า 3 เดือน)

หากพบอาการดังกล่าวให้รีบพาไปโรงพยาบาลทันที โดยเฉพาะเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ยิ่งมีความเสี่ยงที่อาการจะรุนแรง เพราะสังเกตอาการได้ยากเนื่องจากเด็กยังเล็กสื่อสารไม่ชัดเจน ดังนั้นหากมีข้อสงสัยหรือสังเกตเห็นความผิดปกติตามที่กล่าวมาให้รีบพาไปตรวจที่โรงพยาบาลทันที เพื่อดูแลอาการและลดความรุนแรงของโรค

ปัจจุบันสามารถป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรง ให้กับเด็กๆ ด้วยการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV (Nirsevimab) 
ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV เป็นการฉีดสารภูมิคุ้มกัน (Antibody) ต่อเชื้อไวรัส RSV ให้กับร่างกายเพื่อนำไปใช้ต้านทานเชื้อไวรัส RSV ได้ทันที มีความปลอดภัย

ประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันสําเร็จรูป RSV (Nirsevimab) ในเด็ก

  • ลดโอกาสในการติดเชื้อไวรัส RSV ได้ถึง 79.5%
  • ลดความเสี่ยงจากการรักษาตัวในโรงพยาบาลของการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างที่เกิดจากเชื้อไวรัส RSV ได้ถึง 83.2%
  • ลดความรุนแรงและลดโอกาสจากการรักษาตัวในไอซียูได้ 75.3%
  • ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปป้องกันการติดเชื้อไว้รัส RSV ได้ยาวนานถึง 5 เดือน ซึ่งครอบคลุมระยะเวลาในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัส RSV

อายุเด็กที่สามารถฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV ได้

ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV สามารถฉีดได้ในกลุ่มเด็กอายุตั้งแต่แรกเกิด – 2 ปี (สามารถฉีดได้ในช่วงฤดูกาลระบาดเลย เพราะภูมิคุ้มกันขึ้นทันทีหลังฉีด) ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย แนะนำให้ฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV ดังนี้

ฤดูกาลแรก 

  • สามารถฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV ในทารกแรกเกิด – 12 เดือน ที่แข็งแรงดีทุกราย  
  • แนะนำให้ฉีดทารก ที่อายุน้อยกว่า 8 เดือน   และอาจพิจารณาฉีดในทารกอายุ 8-12 เดือน 
  • แนะนำในทารกกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดเชื้อ RSV รุนแรง อายุตั้งแต่แรกเกิด ถึง 12 เดือน โดยทารกกลุ่มเสี่ยง ได้แก่
    • โรคปอดเรื้อรังจากภาวะคลอดก่อนกำหนด (BPD) ที่ยังคงต้องรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ หรือมีการใช้ออกซิเจนในช่วง 6 เดือนก่อนเข้าสู่ฤดูกาสระบาค
    • เด็กที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องอย่างรุนแรง
    • เด็กที่เป็น โรค cystic fibrosis รุนแรง เช่น เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากการกำเริบของโรคปอดในปีแรกของชีวิต หรือมีความผิดปกติของภาพถ่ายทรวงอก หรือมีภาวะทุพโภชนาการ (Weight-for-length < 10th percentile) เป็นต้น
    • เด็กที่มีโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดและยังคงได้รับการรักษาอยู่ (hemodynamically significant congenital heart disease)

หมายเหตุ : 

  • แนะนำให้ฉีดในระยะเข้าฤดูกาลระบาดของ RSV ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงตุลาคมของทุกปี 
  • สำหรับทารกที่เกิดในช่วงฤดูกาลระบาดสามารถฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV หลังคลอดได้ทันที
  • ปริมาณในการฉีดที่แนะนำ : 
  • ทารกน้ำหนัก < 5 กก ใช้ขนาด 50 มก. 1 เข็ม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ครั้งเดียว
  • ทารกน้ำหนัก > 5 กก. ใช้ขนาด 100 มก. 1 เข็ม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ครั้งเดียว

ฤดูกาลที่สอง
สามารถฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV ในทารกแรกเกิดแข็งแรงดีทุกราย 12 – 24 เดือน  

  • แนะนำให้ฉีดในเด็ก 12 - 19 เดือน ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดเชื้อ RSV รุนแรง
  • และอาจพิจารณาในเด็ก 19-24 เดือน ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดเชื้อ RSV รุนแรง

ปริมาณในการฉีดขนาดที่แนะนำ :
โดยฉีด ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV Nirsevimab ปริมาณ 200 มิลลิกรัม (ใช้แบบเข็มละ 100 มิลลิกรัม แบ่งฉีดกล้ามเนื้อ 2 ตำแหน่งในเวลาเดียวกัน)
หมายเหตุ : การให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวและอายุของเด็ก โดยก่อนรับบริการต้องปรึกษากุมารแพทย์และให้แพทย์พิจารณาการให้ภูมิคุ้มกันทุกครั้ง

ข้อห้ามในการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป

ห้ามฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปในเด็กที่มีประวัติแพ้รุนแรงต่อ nirsevimab และส่วนประกอบ เช่น arginine, histidline

ประโยชน์จากการรับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV (Nirsevimab) ในเด็ก ทั้งที่เคยติดเชื้อมาแล้ว หรือเคยรับภูมิคุ้มกันแล้ว

  • แม้ว่าจะหายจากโรคแล้วก็อาจมีผลกระทบจากการติดเชื้อในระยะยาว ต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น ภาวะหลอดลม ไว โรคหืด หรือการทํางานของปอดบกพร่อง ดังนั้นการป้องกันและการเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัส RSV จึงมีความสําคัญต่อสุขภาพของเด็กทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
  • ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายทั้งทางตรง เช่น ค่ารักษาพยาบาล และทางอ้อม เช่น ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการลาหยุดงานของพ่อแม่เพื่อมาดูแลลูก
  • ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลสําหรับผู้ป่วยเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปีที่ติดเชื้อไวรัส RSV ในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 1.75 พันล้านบาทต่อปี โดยระยะเวลาการรักษาตัวในโรงพยาบาล เฉลี่ยนาน 6 วัน 

หมายเหตุ :

  • ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV มีความสำคัญสำหรับการสร้างภูมิคุ้มกันให้ทารกแรกเกิดในขวบปีแรก
  • เด็กอายุตั้งแต่แรกเกิด – 2 ปี ที่มีโรคประจำตัว สามารถฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV ได้ 
  • ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV  สามารถให้ร่วมกับวัคซีนตามวัยได้ และไม่ต้องมีการเว้นระยะห่างกับวัคซีนทุกชนิด รวมถึงวัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต เนื่องจากไม่รบกวนต่อการสร้างภูมิคุ้มกันต่อวัคซีน
  • การฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV  สามารถฉีดร่วมกับวัคซีนอื่นๆ ได้ในครั้งเดียวกัน โดยฉีดคนละตำแหน่ง
คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?