ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV สามารถฉีดได้ในกลุ่มเด็กอายุตั้งแต่แรกเกิด – 2 ปี (สามารถฉีดได้ในช่วงฤดูกาลระบาดเลย เพราะภูมิคุ้มกันขึ้นทันทีหลังฉีด) ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย แนะนำให้ฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV ดังนี้
ฤดูกาลแรก
- สามารถฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV ในทารกแรกเกิด – 12 เดือน ที่แข็งแรงดีทุกราย
- แนะนำให้ฉีดทารก ที่อายุน้อยกว่า 8 เดือน และอาจพิจารณาฉีดในทารกอายุ 8-12 เดือน
- แนะนำในทารกกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดเชื้อ RSV รุนแรง อายุตั้งแต่แรกเกิด ถึง 12 เดือน โดยทารกกลุ่มเสี่ยง ได้แก่
- โรคปอดเรื้อรังจากภาวะคลอดก่อนกำหนด (BPD) ที่ยังคงต้องรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ หรือมีการใช้ออกซิเจนในช่วง 6 เดือนก่อนเข้าสู่ฤดูกาสระบาค
- เด็กที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องอย่างรุนแรง
- เด็กที่เป็น โรค cystic fibrosis รุนแรง เช่น เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากการกำเริบของโรคปอดในปีแรกของชีวิต หรือมีความผิดปกติของภาพถ่ายทรวงอก หรือมีภาวะทุพโภชนาการ (Weight-for-length < 10th percentile) เป็นต้น
- เด็กที่มีโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดและยังคงได้รับการรักษาอยู่ (hemodynamically significant congenital heart disease)
หมายเหตุ :
- แนะนำให้ฉีดในระยะเข้าฤดูกาลระบาดของ RSV ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงตุลาคมของทุกปี
- สำหรับทารกที่เกิดในช่วงฤดูกาลระบาดสามารถฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV หลังคลอดได้ทันที
- ปริมาณในการฉีดที่แนะนำ :
- ทารกน้ำหนัก < 5 กก ใช้ขนาด 50 มก. 1 เข็ม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ครั้งเดียว
- ทารกน้ำหนัก > 5 กก. ใช้ขนาด 100 มก. 1 เข็ม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ครั้งเดียว
ฤดูกาลที่สอง
สามารถฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV ในทารกแรกเกิดแข็งแรงดีทุกราย 12 – 24 เดือน
- แนะนำให้ฉีดในเด็ก 12 - 19 เดือน ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดเชื้อ RSV รุนแรง
- และอาจพิจารณาในเด็ก 19-24 เดือน ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดเชื้อ RSV รุนแรง
ปริมาณในการฉีดขนาดที่แนะนำ :
โดยฉีด ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV Nirsevimab ปริมาณ 200 มิลลิกรัม (ใช้แบบเข็มละ 100 มิลลิกรัม แบ่งฉีดกล้ามเนื้อ 2 ตำแหน่งในเวลาเดียวกัน)
หมายเหตุ : การให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวและอายุของเด็ก โดยก่อนรับบริการต้องปรึกษากุมารแพทย์และให้แพทย์พิจารณาการให้ภูมิคุ้มกันทุกครั้ง
