คุณแม่คงเคยเจอกับปัญหาที่วัดอุณหภูมิให้ลูกแต่ละครั้งได้ค่าที่ต่างกันมาก ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการวัดที่ไม่ถูกต้อง เราลองมาดูการวัดอุณหภูมิแต่ละแบบกันนะคะ ว่าควรมีเทคนิคอย่างไรให้ได้ค่าที่ถูกต้องแม่นยำที่สุด
เหมาะกับเด็กทุกวัย แต่ต้องแน่ใจว่าปลายปรอทอยู่ใต้รักแร้ และสอดไว้นาน 2-3 นาที จึงจะได้ค่าที่แน่นอน เป็นวิธีที่ง่าย สะดวก แต่ใช้เวลาวัดนานบางครั้งเด็กดิ้นปลายปรอทเคลื่อน จึงอาจได้ค่าต่ำกว่าความเป็นจริง
เหมาะสำหรับเด็กอายุ 5 ปีขึ้นไป เพราะเด็กต่ำกว่า 5 ปี อาจยังอมปรอทไม่เป็นและอาจกัดปรอทแตก และควรให้อมไว้ใต้ลิ้น เพราะมีเส้นเลือดจำนวนมาก จะทำให้ได้อุณหภูมิที่ถูกต้องที่สุด
อมปรอทไว้นาน 3 นาที ขณะวัดไม่ควรหายใจทางปากและไม่ดื่มน้ำเย็นหรือน้ำร้อนก่อนจะวัดปรอท อย่างน้อย 10-15 นาที
เหมาะสำหรับเด็กอายุ 3เดือนขึ้นไป เพราะรูหูมีขนาดใหญ่พอที่แสงอินฟาเรดจะเข้าไปถึงเยื่อแก้วหู ใช้เวลาสั้น 2-3 วินาทีและค่าค่อนข้างแม่นยำ
ขณะวัดควรดึงใบหูไปทางด้านหลังเล็กน้อยเพื่อให้รูหูตรง ควรวัดอย่างน้อย 2 ครั้งเพื่อหาค่าเฉลี่ย แต่ค่าอาจคลาดเคลื่อนถ้าใช้ในเด็กเล็กเกินไปเพราะรูหูเล็ก หรือเด็กที่มีขี้หูปิดรูหูไว้
จะได้ค่าที่ใกล้เคียงอุณหภูมิแกนกลางร่างกายที่สุด เหมาะกับเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี
โดยทาวาสลีนที่ปรอท แล้วใส่เข้าไปที่ทวารหนัก ลึก 1 นิ้ว นาน 2 นาที
โดยต้องจับปลายไว้ให้แน่นเพื่อไม่ให้ปรอกไหลลึกเข้าไป สามารถทำได้ทั้งท่านอนหงาย คว่ำ ตะแคง แต่ถ้าทำไม่ถูกต้องอาจเกิดแผลฉีกขาดได้ และปรอทอ่านผลได้ยาก
โดยใช้แถบวัดไข้ สะดวกเหมาะกับทุกวัย โดยต้องเช็ดเหงื่ออออกก่อน แล้วใช้แถบวัดไข้แปะที่หน้าผากนานประมาณ 15 วินาที จนตัวเลขขึ้น แต่มีข้อเสียที่ค่าคลาดเคลื่อนได้ง่าย ไม่แม่นยำ
ถ้าวัดอุณหภูมิได้เกิน 37.5 องศาเซลเซียสทางปาก รักแร้ หู หรือ เกิน 38 องศาเซลเซียสทางทวารหนัก ก็จะถือว่ามีไข้ค่ะ
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่