แน่นอนว่าผู้หญิงทุกคนอยากคงความสวยความใสแบบสมัยวัยรุ่นเอาไว้ แต่มักจะกลัวความเจ็บ กลัวการผ่าตัด บางคนก็ไม่มั่นใจ กลัวว่าหลังทำไปแล้วคนอื่นจะรู้ว่าไปทำหน้ามา ดังนั้นการปรับรูปหน้าและการลดริ้วรอยเพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าด้วยวิธีที่ไม่ศัลยกรรมน่าจะเป็นทางเลือกที่นิยมที่สุด ซึ่งการปรับรูปหน้าและการลดริ้วรอยโดยไม่ศัลยกรรมมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ตั้งแต่การใช้เลเซอร์เพื่อยกกระชับใบหน้า การฉีด BOTOX การฉีด Filler ฉีดลดไขมัน ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีแตกต่างกันไป แต่ที่ดูจะเป็นไฮไลท์และเป็นที่นิยมเลยก็คือ การลดริ้วรอย ด้วย การฉีด BOTOX & Filler ซึ่งวันนี้ นายแพทย์นพดล อมรภิญโญเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณจะนำเรื่องราวดี ๆ อันเป็นความรู้มาฝากคุณสาว ๆ ทั้งหลายกัน ไปติดตามกันเลย
“โบท็อกซ์ (Botox) หรือ เรียกกันอย่างเป็นทางการว่า Botulinum Toxin ซึ่งเป็นสารสกัดจากโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่ออกฤทธิ์โดยตรงกับกล้ามเนื้อช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว โดยปกติแล้วแพทย์จะใช้สารโบท็อกซ์นี้ฉีดเข้าไปที่ใบหน้าเพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดจากการขยับตัวของกล้ามเนื้อ เช่น รอยย่นหน้าผากรอยย่นหว่างคิ้ว รอยย่นสันจมูก รอยย่นตีนกา ซึ่งเมื่อฉีดโบท็อกซ์ เข้าไปแล้วริ้วรอยจะค่อยๆ จางลงและหายไป รวมถึงจะค่อยๆ ลดกล้ามเนื้อบริเวณกรามลง โบท็อกซ์จึงช่วยปรับรูปหน้า ทำให้หน้าเรียวขึ้นด้วย”
“ Filler เป็นสารคนละชนิดกับ BOTOX แพทย์จะนำมาใช้ในกรณีที่แตกต่างกัน แต่ก็สามารถนำมาใช้ในกรณีที่คนไข้ต้องการลดร่อง, ริ้วรอยบนใบหน้า Filler ที่นิยมใช้กันมากที่สุดเป็นสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic acid แพทย์จะใช้ฉีดเข้าไปที่ผิวหนังบริเวณใบหน้าเหมือนกันตรงส่วนที่มีร่องลึกเพื่อให้สารนี้เข้าไปเติมเต็มและแก้ไขความบกพร่องบนใบหน้า จึงเป็นการช่วยลดร่อง, ริ้วรอย บนใบหน้าอีกทางหนึ่งนอกจากนั้น Filler จะช่วยเข้าไปเสริมปริมาณ ปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วน และยกกระชับใบหน้าได้ “
“ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า แต่ละคนมีโครงสร้างใบหน้าที่แตกต่างกันและแต่ละคนมีปัญหาที่แตกต่างกันไปการฉีด BOTOX นั้นจะเห็นผลได้เร็วคือ เริ่มเห็นผลตั้งแต่ 2-3 วันภายหลังจากการฉีด BOTOX จะเข้าไปช่วยลดริ้วรอย คุณจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในไม่ช้าแต่ผลจากการฉีดจะไม่คงอยู่อย่างถาวรคือ จะคงอยู่ได้ราว 4-6 เดือน ส่วน Filler นั้น ก็ขึ้นอยู่กับชนิดที่เลือกใช้ โดยทั่ว ๆ ไป จะให้ผลลัพธ์ที่ช่วยลดริ้วรอยอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี”
“การการฉีด BOTOX & Filler เพื่อลดริ้วรอย ทั้งสองอย่างอาจเกิดผลข้างเคียงได้บ้างแต่จริง ๆ เกิดน้อยมาก อาการข้างเคียงที่เกิดได้ก็จะมี มีรอยแดง ช้ำ บริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ แต่อาการเหล่านี้อาจจะมีอยู่สักประมาณ 2 สัปดาห์ก็จะหายไปเอง ไม่มีอันตรายใด ๆ ผลข้างเคียงที่รุนแรง ได้แก่ การติดเชื้อและอุดตันหลอดเลือด หากฉีดกับหมอที่มีความเชี่ยวชาญอาการเหล่านี้มีโอกาสเกิดน้อยมาก ๆ”
“คนที่เริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องริ้วรอย มีผิวหน้าหย่อนคล้อย และต้องการปรับรูปหน้า คนที่มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์แล้วเข้ารับการฉีด BOTOX & Filler เพื่อลดริ้วรอย หรือปรับรูปหน้าได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุว่ามากหรือน้อย ซึ่งหมอจะดูจากปัญหาของคนไข้แต่ละคนมากกว่า เพราะว่าแต่ละช่วงวัยก็จะพบเจอปัญหาและมีความต้องการที่แตกต่างกันไป อายุน้อยก็อาจจะต้องการฉีดเพื่อปรับรูปหน้าให้หน้าดูเรียว อายุมากหน่อยก็จะฉีดเพื่อลดริ้วรอย และความหย่อนคล้อยแต่ก็มีข้อยกเว้นในกรณีเป็นหญิงมีครรภ์ ให้นมบุตร หรือคนที่มีโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง กลุ่มนี้หมอก็จะไม่แนะนำให้ทำ”
คุณหมอนพดล ได้ฝากข้อคิดให้กับคุณสาว ๆ ก่อนตัดสินใจฉีด BOTOX & Filler ว่า
“สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เราฉีด BOTOX & Filler ได้อย่างมีประสิทธิผลตามที่เราต้องการและมีความปลอดภัยไร้ปัญหาตามมา ก็คือ การศึกษาหาความรู้ก่อนที่จะตัดสินใจไปทำการฉีด คุณต้องมีการศึกษาหาข้อมูลถึงสถานที่ที่ทำ อุปกรณ์ที่ใช้ สารที่ใช้ในการฉีดให้กับเราด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง อย่าคิดว่าจะเอาของถูกอย่างเดียว หากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมา คุณจะต้องเสียเงินรักษาตัวอีกมายมาย ซึ่งนั่นไม่ดีแน่ สู้เราเก็บเงินรักษาตัวนั้นไว้แล้วนำมาจ่ายกับการใช้สารที่ปลอดภัยดีกว่า จ่ายแพงกว่าเล็กน้อย แต่คุ้มค่าในความปลอดภัยและแน่นอน “
คิดว่าทุกคนคงจะได้ความรู้จากคุณหมอไปไม่น้อยในวันนี้ สิ่งสำคัญอยู่ที่คุณหมอเตือนย้ำก็คือ ก่อนจะทำต้องควรที่จะศึกษาหาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ปัจจุบันมีช่องทางที่จะสืบค้นข้อมูลมากมาย ดังนั้นถ้าต้องการลดริ้วรอยให้ผิวหน้าสวยใสไม่หย่อนคล้อยอย่างมีประสิทธิภาพก็ต้องเริ่มจากความชัวร์ในเรื่องความปลอดภัยเสียก่อน ซึ่งนั้นจะช่วยให้คุณได้ใบหน้าที่เรียวสวยใส ไร้ริ้วรอยอย่างยาวนานตามที่คุณต้องการจริงๆ
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่