โรคมะเร็งอัณฑะยังจัดว่ามีความรุนแรงต่ำ และสามารถรักษาให้หายขาดได้ แม้จะอยู่ในระยะที่โรคแพร่กระจายเข้ากระแสโลหิตแล้วก็ตาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็ง ขนาดก้อนมะเร็ง อายุ และสุขภาพผู้ป่วย
มะเร็งอัณฑะมีโอกาสเป็นได้ทั้งด้านซ้ายและขวา หรือทั้ง 2 ด้านเท่าๆ กัน แต่ส่วนใหญ่มักเกิดเพียงด้านเดียว และพบบ่อยในช่วงอายุ 15 – 35 ปี ทำให้ผู้ป่วยเกิดความวิตกว่าจะส่งผลถึงสมรรถภาพทางเพศ นับเป็นมะเร็งที่มีผลกระทบทางใจวัยหนุ่มอย่างมาก
การตรวจอัณฑะด้วยตนเองเดือนละครั้ง เมื่ออยู่ในวัยเจริญพันธุ์ เพื่อคัดกรองโรคมะเร็งอัณฑะได้ตั้งแต่ระยะแรก โดยเฉพาะในผู้มีปัจจัยเสี่ยง การตรวจอัณฑะที่ดีที่สุดควรทำเมื่อถุงอัณฑะอยู่ในสภาวะผ่อนคลาย เช่นหลังจากการอาบน้ำอุ่น
ขณะตรวจควรจับองคชาติออกไป จากนั้นค่อยๆ ใช้นิ้วโป้งและนิ้วอื่นๆ ไล่คลำบริเวณอัณฑะทั้ง 2 ข้าง เพื่อดูว่ามีก้อนเนื้อหรือไม่
อย่างไรก็ตามถือเป็นเรื่องปกติ หากพบว่าอัณฑะทั้ง 2 ข้างมีขนาดต่างกัน อยู่ในระดับไม่เท่ากัน และอาจพบรอยนูนเล็กๆ ที่ด้านนอกของอัณฑะส่วนบนและส่วนกลาง
ปัจจุบันยังหาสาเหตุที่ชัดเจนของการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิดไม่ได้ มะเร็งอัณฑะก็เช่นกัน แต่การศึกษาพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงดังนี้
ทั้งนี้การวินิจฉัยมะเร็งอัณฑะ แพทย์จะไม่มีการตัดชิ้นเนื้อออกมาพิสูจน์อย่างเด็ดขาด เนื่องจากการผ่าตัดจะต้องทำโดยผ่านถุงอัณฑะ ซึ่งจะยิ่งทำให้มะเร็งลุกลามเข้าถุงอัณฑะได้ ส่งผลให้การรักษาซับซ้อนและยุ่งยากมากขึ้น
โรคมะเร็งอัณฑะ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนรักษาได้อย่างถูกต้องและได้ผลดีที่สุด ดังนี้ได้แก่
ระยะที่ 1 มะเร็งเกิดขึ้นเฉพาะในอัณฑะ ยังไม่ลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลือง ซึ่งมีโอกาสรักษาหายได้สูงถึง 90 – 100%
ระยะที่ 2 มะเร็งลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองบริเวณช่องท้อง โอกาสรักษาหายได้ ประมาณ 80 – 90%
ระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองบริเวณช่องท้อง รวมทั้งมีสารมะเร็งปริมาณสูงในเลือด ซึ่งมักแพร่กระจายมักเข้าสู่สมองและปอด ยังมีโอกาสรักษาหายประมาณ 50 – 70%
อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยดื้อต่อรังสีรักษาหรือยาเคมีบำบัด ส่งผลให้รักษาไม่หายอยู่ที่ประมาณ 5 – 10%
การรักษามะเร็งอัณฑะอาจมีผลข้างเคียง โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง รวมถึงในผู้สูงอายุ โดยมีผลข้างเคียง เช่น
ด้วยปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันและตรวจคัดกรองมะเร็งอัณฑะตั้งแต่เริ่มต้น ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการเฝ้าสังเกตอัณฑะตนเอง หากพบก้อนเนื้อหรือสิ่งผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง รวมถึงการดูแลตัวเองให้สุขภาพแข็งแรงเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง
แม้ว่ามะเร็งอัณฑะจะเป็นมะเร็งที่พบได้น้อยเมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่น อีกทั้งยังมีโอกาสรักษาให้หายสูงมาก แต่การเกิดสิ่งผิดปกติกับอวัยวะเพศชายอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจมากกว่าทางร่างกายมากมาย
*โปรดระบุ
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่