ภาวะเท้าแบน เป็นหนึ่งในภาวะที่ผู้ปกครองนำบุตรหลานมาพบแพทย์ บ่อยที่สุด โดยคุณพ่อหรือ คุณแม่สามารถสังเกตุบุตร หลานของท่านได้เอง โดยจะเห็นอุ้งเท้าจะหายไปเวลายืนหรือเดิน ซึ่งเท้าแบนชนิดนี้เรียกว่าเท้าแบนแบบยืดหยุ่น(Flexible flatfeet) ซึ่งพบบ่อยที่สุด
ถ้าเป็นชนิดเท้าแบนแบบยืดหนุ่ยยังไม่ทราบแน่ชัด อาจเกิดจากเอ็นยึดข้อต่าง ๆ ยืดหย่อน
โดยทั่วไปจะพบว่าภาวะขาโก่งจะพบมากที่สุดในช่วงแรกเกิด โดยทั่วไปพบสองข้าง แต่อาจพบข้างใดข้างหนึ่งอาจโก่งกว่าอีกข้างหนึ่ง ภาวะนี้เราอาจเรียกว่า ขาโก่งตามสรีระ ภาษาอังกฤษเรียกว่า “physiologic bow legs” และเมื่อลูกน้อย เริ่มเจริญเติบโตขึ้น ธรรมชาติจะช่วยปรับแต่งให้ขาตรงขึ้น ตรงขึ้น จนประมาณ 2 ขวบ จะตรงมาก หลังจากนั้น เด็กก็จะเริ่ม ยืน หรือเดินแบบเข่าชิดหรือชนกัน ที่เราเรียกว่า ขาเป็ด หรือ ขาฉิ่ง ภาษาอังกฤษเรียกว่า “physiologic knock knee” โดยจะเป็นมากเมื่ออายุประมาณ 3 ขวบ หลังจากนั้นขาและเข่าของลูกน้อยก็จะเริ่มกลับมาตรงขึ้น ๆ ตามปกติเมื่ออายุประมาณ 7-8 ขวบ จะเห็นว่าสิ่งที่เห็นเหล่านี้ เป็นการพัฒนาการ การเจริญเติบโต ของกระดูกขา ซึ่งจะโก่ง จะงอ แต่แรกเกิด และท้ายที่สุดก็จะกลับตรงเหมือนปรกติ ซึ่งการที่จะขาโก่ง หรือตรงแค่ไหนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยส่วนใหญ่ขึ้นกับทางพันธุกรรมเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ดีมีอีกหลายปัจจัยซึ่งเป็นปัจจัยเสริมทำให้เด็กขาโก่งมากขึ้น จนเป็นโรคขาโก่งจริง ๆ (Blount’s disease) เช่น เด็กยืน หรือ เดินเร็ว ก่อนวัย เด็กน้ำหนักมาก อาจพบโรคความผิดปรกติทางเมตาบอริซึมร่วมเช่น โรคขาดวิตามินดี
ถ้าเป็นขาโก่งตามสรีระ ให้สังเกตุแนวของขา ว่าสอดคล้องตามอายุหรือไม่ กลุ่มนี้จะใช้การเฝ้าติดตามเป็นระยะ ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะกลับมาเป็นปกติเมื่อถึงอายุอันควรดังกล่าว ส่วนการดัดขา หรือการตัดรองเท้า ยังไม่มีการวิจัยรองรับว่าได้ผล ในกรณีที่ขาผู้ป่วยเด็กโก่งมากจนเป็นโรคขาโก่งจริง จำเป็นต้องผ่าตัดทำให้กระดูกตรง โดยมักจะทำการผ่าตัดในช่วงอายุ 3-4 ปี และหลังผ่าตัดขาจะอยู่ในเฝือกประมาณ 6-8 สัปดาห์
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่