พาลูกขึ้นเครื่องบินอย่างไร ไม่ให้รบกวนเพื่อนร่วมทาง

• เมื่อต้อง พาลูกขึ้นเครื่องบิน คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาข้อกำหนดและกฎของแต่ละสายการบินเกี่ยวกับการพาเด็กเล็กขึ้นเครื่อง โดยเด็กสามารถขึ้นเครื่องได้ตั้งแต่มีอายุ 7 หรือ 14 วัน ตามความเหมาะสม
• ห้ามลืมนำของจำเป็นต้องใช้ขึ้นเครื่องบินไปด้วย เช่น ผ้าอ้อม ทิชชู่เปียก ยาประจำตัว ของเล่นที่ลูกชอบ และตัวช่วยอย่างเป้อุ้มเด็กจะช่วยผ่อนแรงให้คุณพ่อคุณแม่ได้
• นมหรือน้ำผลไม้ช่วยบรรเทาอาการเจ็บแก้วหูของลูกขณะเครื่องบินกำลังขึ้นและลงจอดได้

เสียงเด็กร้องไห้ ตะโกนโหวกเหวก คงไปรบกวนผู้โดยสารอื่นๆ แน่นอน หรือยิ่งกว่านั้น เด็กมักจะยุกยิกอยู่ไม่สุข วิ่งเล่นตามทางเดิน เตะพนักพิงผู้โดยสารด้านหน้า รวมถึงตัวคุณพ่อคุณแม่เองที่ไม่มีการเตรียมพร้อมอาจต้องลุกจากที่นั่งบ่อยครั้งจนสร้างความรำคาญให้ผู้โดยสารคนอื่น  ดังนั้นการเตรียมพร้อมทั้งก่อนและระหว่างการนั่งเครื่องจึงเป็นเรื่องสำคัญ

• ศึกษาข้อกำหนด กฎของแต่ละสายการบิน: ก่อนขึ้นเครื่องบินไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาข้อกำหนด กฎของแต่ละสายการบิน เกี่ยวกับการอนุญาตให้พาเด็กเล็กขึ้นเครื่อง  ตั้งแต่อายุขั้นต่ำ 7 หรือ 14 วัน แล้วแต่สายการบินนั้นๆ  โดยเด็กต้องนั่งตักพ่อหรือแม่
• เตรียมของใช้จำเป็นสำหรับลูกน้อย: ลำดับแรกพ่อแม่มือใหม่ต้องคิดเรื่องเตรียมของในกระเป๋าใบเล็กของลูกน้อยที่ถือขึ้นเครื่องว่าต้องมีอะไรบ้าง เลือกเอาเฉพาะของที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ เช่น ผ้าอ้อม ทิชชู่เปียก ยาประจำตัว และของเล่นเล็กๆ น้อยๆ ที่เจ้าตัวเล็กชอบ และอย่าลืมนมแม่ที่ปั๊มออกมาแล้ว หากไม่สะดวกให้นมบนเครื่อง ซึงเป็นของเหลวที่จำกัดปริมาณที่จะถือติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วย เพื่อทำความเข้าใจที่ถูกต้อง จะได้ไม่เสียเวลา เสียของ หากไม่ได้รับอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่อง สำหรับคุณแม่ที่ต้องการให้นมลูกเองอาจต้องเตรียมเสื้อให้นม หรืออุปกรณ์ให้พร้อม
• เตรียมเสื้อผ้าของลูกให้เหมาะสม: ชุดของลูกน้อยที่สามารถให้ความอบอุ่นบนเครื่องและนอนพักผ่อนได้อย่างสบาย นอกจากนี้ควรเตรียมเสื้อผ้าลูกน้อยที่เหมาะกับสภาพอากาศของจุดหมายปลายทางไว้ด้วย เมื่อถึงสบามบินจะได้ไม่ต้องรอเปิดกระเป๋าใหญ่ให้ยุ่งยากเสียเวลา เพราะอย่าลืมว่าการเดินทางกับเด็กน้อยต้องมีความคล่องตัว
• การเลือกที่นั่งก็มีความสำคัญไม่น้อย: ซึ่งหากแจ้งล่วงหน้าว่ามีเด็กเล็กเดินทางด้วย ส่วนใหญ่ทางสายการบินจะจัดที่นั่งด้านหน้าสุดที่มีความกว้างและสะดวกสบายให้ สะดวกในการติดตั้งเปลในกรณีที่เป็นทารก รวมถึงช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถลุกออกไปเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือชงนมให้เด็กโดยสะดวก  ไม่ต้องรบกวนผู้โดยสารอื่น  จึงแนะนำว่าให้จองที่นั่งออนไลน์ล่วงหน้า หรือหากไม่สะดวกจองอาจต้องไปสนามบินเร็วขึ้นกว่าเดิมเพื่อจองที่นั่งดังกล่าว

• หากเป็นไปได้ควรรอขึ้นเครื่องเป็นคนสุดท้าย แต่ไม่ได้หมายความว่ารอจนสายการบินต้องประกาศหา เพียงแต่ในสนามบินมีความสะดวกสบายมากกกว่าบนเครื่อง เด็กๆ จะได้ไม่ต้องรู้สึกเบื่อกับการนั่งหรือรอบนเครื่องบินนานๆ
• แม้บนเครื่องบินส่วนใหญ่จะเตรียมของเล่นไว้ให้เด็กๆ เช่น สมุดระบายสี ตุ๊กตาตัวน้อยนุ่มนิ่ม แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมของเล่นที่ลูกชอบ ขนาดเหมาะมือและควรเป็นของเล่นที่ไม่มีเสียง หรือติดหนังสือนิทาน 2-3 เล่มก็ช่วยให้เด็กน้อยเพลิดเพลินได้เช่นกัน นอกจากนี้อาจมีขนมขบเคี้ยวเล็กๆ น้อยๆ ติดมือไว้ให้ลูกบ้างก็ไม่ผิด
• เป้อุ้มเด็ก อีกหนึ่งตัวช่วยที่ดี และช่วยผ่อนแรงให้คุณพ่อคุณแม่ได้ตั้งแต่ในสนามบินและบนเครื่อง หรือรถเข็นเด็กแบบพับได้ก็สามารถนำติดตัวไปด้วย แต่อาจต้องโหลดไปใต้เครื่องรวมไปกับกระเป๋าใบใหญ่อื่นๆ
• อย่าลืมว่าต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมบนโต๊ะสำหรับเปลี่ยนผ้าอ้อมในห้องน้ำบนเครื่องเท่านั้น ห้ามเปลี่ยนบนโต๊ะบริเวณที่นั่งเด็ดขาด นอกจากจะรบกวนผู้โดยสารคนอื่นๆ แล้ว ยังเป็นเรื่องของความสะอาดและสุขลักษณะอีกด้วย
• บางสายการบินมีอาหารเด็กไว้บริการโดยต้องแจ้งล่วงหน้า คุณพ่อคุณแม่อาจเตรียมอาหารเบาๆ อย่างแซนด์วิช ขนมปังกรอบ ไข่ต้ม ที่เด็กๆ ชอบไปเสริมได้ แต่ไม่ควรให้เด็กรับประทานจนอิ่มเกินไป ให้ดื่มน้ำเปล่าบ่อยๆ งดน้ำอัดลม เพราะจะทำให้ไม่สบายตัว หรือท้องอืดได้
• ที่สำคัญ นมหรือน้ำผลไม้กล่องเล็กๆ จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บแก้วหูของลูกขณะเครื่องบินกำลังขึ้นและลงจอด เนื่องจากผลกระทบของความเปลี่ยนแปลงความดันภายในเครื่องบิน

สิ่งสำคัญที่สุดในการ พาลูกขึ้นเครื่องบิน ครั้งแรกคือคุณพ่อคุณแม่ทำใจให้สบาย ไม่วิตกกังวลเกินไป จนกลายเป็นความตึงเครียด  ขัดใจ การดุหรือตีลูก เพียงเพราะเกรงใจผู้โดยสารอื่นๆ อาจเพิ่มความโกลาหลให้กับการเดินทางมากยิ่งขึ้น  หากคุณพ่อคุณแม่มีการวางแผนและเตรียมความพร้อม ทั้งก่อนและระหว่างการเดินทาง  จะช่วยให้การพาลูกขึ้นเครื่องครั้งแรกได้อย่างราบรื่น สนุกสนาน และเป็นความทรงจำของครอบครัวตลอดไป