การรักษาฝ้าด้วยยา
ยาทาที่รักษาฝ้านั้นมีมากมาย ทั้งกลุ่มที่ให้ผลเร็ว ซึ่งย่อมมีผลข้างเคียงตามมาด้วย และยาที่ให้ผลช้า แต่ผลข้างเคียงต่ำ ยาส่วนใหญ่จะทำให้ ฝ้าจางลงด้วยการยับยั้งการสร้างเม็ดสีโดยไม่ได้ไปทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี ดังนั้นถ้าหยุดยาเมื่อใด ฝ้าก็มีโอกาสกลับคืนมาได้เช่นกัน
การรักษาฝ้าด้วยกระบวนการ Laser Rejuvenation
หนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้การรักษาฝ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น คือ กระบวนการ Laser Rejuvenation โดยใช้เครื่อง HELIOS II ซึ่งสามารถผลิตแสงเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาฝ้า กระ ผิวหน้าสีไม่สม่ำเสมอ รอยสักสีดำ สีน้ำเงิน สีเขียว เป็นต้น รอยโรคที่มีความผิดปกติของเม็ดสี รวมถึงปาน และจุดด่างดำ นอกเหนือจากนี้ ยังเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิวหน้าในระหว่างการรักษาอีกด้วย
การใช้แสงเลเซอร์รักษาผิวหนังอาจฟังดูน่ากลัวสำหรับหลายๆคน แต่เครื่อง HELIOS II นั้นปลอดภัยเป็นพิเศษ ในระหว่างทำการรักษาจะรู้สึกเพียงอุ่นๆ และยิบ ๆในบริเวณที่เป็นผิวหนังปกติ และเพียงรู้สึกดีดๆ ในบริเวณที่มีเม็ดสีเท่านั้น ด้วยความเสถียรของพลังงานเลเซอร์ยังช่วยไม่ให้เกิดจุดเลือดออก และลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้
หลังการรักษา คนไข้เพียงแค่ดูแลผิวหลังตามคำแนะนำของคุณหมอด้วยวิธีง่ายๆ อย่างเช่น หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ทาครีมบำรุงผิวหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงกว่า 30 ก็เพียงพอค่ะ
การรักษาฝ้าด้วยวิธีอื่นๆ
เช่น การลอกผิว ทั้งด้วยสารเคมี (Chemical Peeling), การเร่งการผลัดเซลล์ผิวด้วย AHA (กรดผลไม้) หรือ การขัดผิวด้วยเกร็ดอัญมณี (Microdermabrasion)
การรักษาฝ้าเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเวลาและความอดทน การป้องกันไว้ก่อนจึงย่อมดีกว่าอย่างแน่นอน การหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานๆ ในช่วง 10โมงเช้าถึง 4โมงเย็น และการใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ ก็สามารถลดปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญลงได้ แต่หากเกิดฝ้าขึ้นแล้ว… การเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อขอรับคำปรึกษาและค้นหาสาเหตุ ก็จะทำให้ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและปลอดภัยมากขึ้นค่ะ