กินไม่เป็นเวลา กินแล้วนอน ระวัง กรดไหลย้อนจะมาเยือน

กินไม่เป็นเวลา กินแล้วนอน ระวัง กรดไหลย้อนจะมาเยือน

HIGHLIGHTS:

  • เรอ คลื่นไส้ แสบร้อนหน้าอก แน่นท้อง อาจเป็นอาการของกรดไหลย้อน
  • คนอ้วนมีความเสี่ยงเป็นกรดไหลย้อนมากกว่าคนผอม
  • ควรหยุดพฤติกรรม กินแล้วนอน และทานอาหารเย็นให้เร็วขึ้น ปริมาณน้อย เข้านอนหลังทานอาหารเสร็จแล้วอย่างน้อย 3 ชั่วโมง จะช่วยให้ห่างไกลกรดไหลย้อนได้

กินไม่เป็นเวลา กินแล้วนอน กรดไหลย้อน จะมาเยือน

ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบัน ทำให้พฤติกรรมการกินของเราเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย บางคนก็กินไม่เป็นมื้อ บางคนกว่าจะเลิกงานกลับถึงบ้านก็ดึกแล้ว และกว่าจะได้กินข้าว แถมพอ กินแล้วนอน เลย พอนานๆไปก็จะเริ่มมีอาการจุกเสียดแน่นคล้ายอาหารไม่ย่อย จุกเสียดบริเวณใต้ลิ้นปี่ แสบร้อนบริเวณอกบ่อยๆ บางครั้ง มี เรอ คลื่นไส้ อาจมีน้ำรสเปรี้ยวหรือขมไหลย้อนขึ้นมาในปากและคอ อาการเหล่านี้บ่งบอกว่า คุณกำลังเป็นกรดไหลย้อนนั่นเอง

ทำไม กินแล้วนอน ถึงเสี่ยงเป็นกรดไหลย้อน

โดยปกติหลังกินอาหารเสร็จ กล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนที่เชื่อมต่อกับกระเพาะอาหารจะเปิดหลังจากที่เรากลืน ทำให้อาหารสามารถที่จะเคลื่อนผ่านจากหลอดอาหารลงสู่กระเพาะอาหารได้ และจะปิดอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้อาหารและน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนเข้ามาสู่หลอดอาหาร แต่ถ้ากล้ามเนื้อหูรูดนี้ทำงานผิดปกติหรือมีความแข็งแรงลดลงจะทำให้อาหารและน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับมาที่หลอดอาหารได้

กรดไหลย้อน โรคนี้พบได้บ่อย แต่มักไม่ได้ให้ความสำคัญ ปล่อยให้เกิดอาการเรื้อรัง บางครั้งซื้อยามาทานเองและไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ก็อาจทำให้เกิดหลอดอาหารอักเสบ แผลที่หลอดอาหาร หรือหลอดอาหารตีบ เกิดการเปลี่ยนแปลงเซลล์ของเยื่อบุหลอดอาหาร บางรายอาจรุนแรงจนถึงขั้นเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้

ทำอย่างไรให้ห่างไกลกรดไหลย้อน

  1. หลีกเลี่ยงอาหารต่อไปนี้
    • อาหารที่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร เช่น อาหารรสจัด เผ็ดจัด มีความเป็นกรด เช่น มะเขือเทศ
    • อาหารที่ค้างอยู่ในกระเพาะอาหารได้นาน เช่น อาหารที่ไขมันสูง อาหารทอด อาหารผัดน้ำมันมากๆ
    • อาหารและเครื่องดื่มที่มีสารช่วยการคลายตัวของกล้ามเนื้อ เพราะจะลดการบีบตัวของกระเพาะอาหาร เช่น ช็อกโกแลต สุรา/แอลกอฮอล์
    • อาหารที่กระตุ้นให้กระเพาะหลั่งกรดเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องดื่มมีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ
  2. หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำระหว่างรับประทานอาหาร ควรรอให้ทานเสร็จแล้วประมาณ 10 นาทีค่อยดื่มน้ำ เพื่อไม่ให้ มี ปริมาณอาหารและของเหลวในกระเพาะอาหารมากเกินไป ซึ่งเสี่ยงต่อกรดไหลย้อน
  3. ควรรับประทานอาหารปริมาณน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง วันละ 4-5 มื้อแทนอาหารมื้อใหญ่ เพื่อป้องกันไม่ให้มีอาหารและน้ำในกระเพาะอาหาร มากเกินไป
  4. ทานอาหาร เย็นให้เร็วขึ้น ไม่รับประทานในปริมาณมากและไม่ควรนอนหลังรับประทานอาหารทันที ควรเข้านอนหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
  5. ไม่ควรกินไปพูดไป เพราะระหว่างพูกจะกลืนลมลงท้องมากขึ้น
  6. การเคี้ยวหมากฝรั่ง มีส่วนเพิ่มการหลั่งน้ำลาย ทำให้กลืนน้ำลายลงไปมากขึ้น และเพิ่มการกลืนลมลงไปในท้อง
  7. ระวังไม่ให้น้ำหนักตัวมากหรืออ้วนเกินไป ถ้าน้ำหนักมาก ให้ ลดน้ำหนัก เพราะคนอ้วนมีความเสี่ยงเป็นโรคกรดไหลย้อนมากกว่าคนผอม
  8. สวมเสื้อผ้าสบายๆ ไม่คับ เพราะเสื้อผ้าคับจะเพิ่มแรงดันในช่องท้อง
  9. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะมีสารพิษ เพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร และอาจทำให้การบีบตัวของกระเพาะอาหารลดลง
  10. ไม่ควรซื้อยากินเอง เนื่องจากยาบางชนิด เช่น ยาขยายหลอดลม ยาลดความดันบางประเภท ยาทางจิตประสาท ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน เป็นต้น จะทำให้หูรูดคลายตัว หรือมีกรดหลั่งมากขึ้น
  11. นอนตะแคงซ้าย หนุนหัวเตียงให้สูงขึ้น หรือนอนเตียงเอียงให้ด้านหัวสูงกว่าด้านเท้า
  12. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเครียดซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายหลั่งกรดมากขึ้น

ผู้ที่เป็นโรคนี้ควรมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยง แต่หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว อาการไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องได้รับยาในการรักษา และควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?