ดังนั้น เมื่อเกิดอาการเหล่านี้จะต้องรีบมาพบแพทย์ การรักษาหลักคือการปรับเปลี่ยนการดำรงชีวิตและการรับประทานยา ซึ่งเมื่อเป็นโรคนี้แล้วต้องรับประทานยาไปตลอดชีวิตเพื่อป้องกันการพอกตัวของไขมันเพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย ในกรณีที่มีอาการมาก และ/หรือเส้นเลือดตีบมากทำให้การบีบตัวของหัวใจลดลง คนไข้ต้องได้รับการสวนหัวใจเพื่อขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน ส่วนในรายที่มีหลอดเลือดตีบหลายตำแหน่ง มักใช้วิธีการผ่าตัดทำบายพาส โดยแพทย์จะใช้เส้นเลือดแดงบริเวณแขนซ้ายหรือเส้นเลือดดำบริเวณขา ตั้งแต่ข้อเท้าด้านในจนถึงโคนขาด้านในมาเย็บต่อเส้นเลือดเพื่อนำเลือดแดงจากเส้นเลือดแดงใหญ่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจส่วนที่ขาดเลือดโดยข้ามผ่านเส้นเลือดส่วนที่ตีบ
สำหรับบุคคลที่แพทย์สงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ แพทย์อาจต้องทำการตรวจคราบหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ ด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ Calcium Score CT ที่มีความแม่นยำสูง เพื่อตรวจหาปริมาณแคลเซียมที่ผนังของหลอดเลือดหัวใจ โดยแพทย์สามารถนำข้อมูลมาช่วยในการตัดสินใจเพื่อให้เหมาะกับผู้ป่วยในแต่ละรายได้ เพื่อให้การรักษาแต่เนิ่นๆ โดยไม่ต้องรอให้เกิดอาการ เป็นการลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตแบบเฉียบพลันจากโรคหัวใจได้
อย่างไรก็ตาม การป้องกันนั้นย่อมดีกว่าการแก้ไข การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เช่น การออกกำลังกายประเภทแอโรบิค อาทิตย์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 15 นาทีเป็นอย่างต่ำ ควรลดบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เช่น อาหารประเภททอด และอาหารประเภทเนื้อแดง ควรใช้น้ำมันรำข้าวในการประกอบอาหาร ควรรับประทานอาหารประเภทปลา หรือเนื้อไก่ไม่ติดหนัง และอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูง รวมถึงผักและผลไม้ ส่วนพฤติกรรมที่ต้องหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาดคือ การสูบบุหรี่ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาโอกาสตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำทุกปี เพียงเท่านี้คุณก็จะห่างไกลโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
*ตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ฉบับวันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558
Photo Credit: fhisa via Flickr cc